สมศ.เปิดทางต่างชาติสมัครเป็นผู้ประเมินได้ พร้อมกับคุมเข้มคุณภาพผู้ประเมินที่ลดจำนวนเหลือลง 1,500 คน หลังนำระบบออนไลน์มาใช้ อ้างรองรับเปิดเออีซี รวมทั้งยังเปิดโอกาสผู้พิการเป็นผู้ประเมิน รร.เด็กพิเศษ รร.ตาบอด-หูหนวก
นายมณฑล สงวนเสริมศรี ประธานกรรมการบริหารสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (ประธานบริหาร สมศ.) กล่าวว่า จากการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 4 (พ.ศ.2559-2563) ซึ่งจะมีการนำระบบไอทีเข้ามาใช้ในการประเมิน ทำให้สามารถลดจำนวนผู้ประเมินเหลือเพียง 1,500 คน จาก 3,000 คน โดยเมื่อเร็วๆ นี้ คณะกรรมการ สมศ.ยังมีมติเห็นชอบการกำหนดมาตรฐานของผู้ประเมินในการประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 4 โดยได้มีการปรับเปลี่ยนคุณสมบัติของผู้ประเมินที่จะไม่มีการกำหนดสัญชาติผู้ประเมิน จากเดิมที่กำหนดว่าผู้ประเมินต้องมีสัญชาติไทยเท่านั้น เนื่องจากขณะนี้ประเทศไทยกำลังเข้าสู่ประชาคมเศรษฐกิจอาเซียน และในอนาคตจะต้องมีการประเมินร่วมกันกับประเทศกลุ่มอาเซียน จึงต้องเปิดโอกาสให้ผู้ประเมินสัญชาติอื่นที่มีความสามารถ เชี่ยวชาญเข้ามามีส่วนร่วมในการประเมิน รวมถึงจะเปิดโอกาสให้ผู้พิการเข้ามาเป็นผู้ประเมินสถานศึกษา อาทิ โรงเรียนตาบอด โรงเรียนหูหนวก หรือโรงเรียนพิเศษ ซึ่งกลุ่มผู้พิการที่เก่งๆ เมื่อเข้ามาเป็นผู้ประเมินจะทำให้เกิดความเข้าใจมากขึ้น และสามารถช่วยเสนอแนะ พัฒนาโรงเรียนเหล่านี้ให้ดีขึ้น
"ผู้ประเมินในรอบนี้จะมีเพียงผู้ประเมินที่มีความเชี่ยวชาญในการลงไปตรวจเยี่ยมสถานศึกษา ผู้ประเมินที่มีความชำนาญผ่านระบบไอที และผู้ตรวจการประเมิน การประเมินรอบนี้เรามุ่งพัฒนาผู้ประเมินให้ได้มาตรฐาน เนื่องจากผู้ประเมินถือเป็นหัวใจสำคัญในการเชื่อมโยงระหว่างสถานศึกษากับ สมศ. ผู้ประเมินจึงต้องมีคุณภาพ และการประเมินต้องเป็นไปอย่างเป็นมิตร ดูแลเอื้ออาทร ส่งเสริม เพื่อให้ สมศ.เข้าไปช่วยให้สถานศึกษาเกิดการพัฒนา" ประธานบอร์ด สมศ.กล่าว
นายมณฑลย้ำอีกว่า การประเมินคุณภาพภายนอกรอบ 4 จะแตกต่างจากที่ผ่านมา เพราะจะกระตุ้นให้เกิดการพัฒนาของสถานศึกษามากกว่าการจับผิด และเกณฑ์ในตัวชี้วัดไม่ได้ใช้ไม้บรรทัดเดียววัดทุกสถานศึกษา แต่จะวัดตามการแบ่งกลุ่มเฉพาะแตกต่างกันไปตามสถานศึกษา เพื่อเอื้อให้สถานศึกษาเกิดการพัฒนาตนเอง และปรับสะท้อนคุณภาพจากความจริงให้มากที่สุด ดังนั้น อยากให้สถานศึกษารับผิดชอบ ดูแลตัวเอง ผลิตนักเรียน นักศึกษาที่มีคุณภาพและเป็นที่ยอมรับ เพื่อเป็นบุคลากรที่ดีของประเทศ.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 1 ตุลาคม 2558