'ดาว์พงษ์'ชี้เอกชนผิดชัดเจนอยู่แล้วผลสอบ สกสค. นัดถกคณะกรรมการ ปธ.ผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยให้ดำเนินคดีอดีตบิ๊ก สถาบันการเงินให้ปิด บช.ทั้งที่ผู้ลงนามไม่มีอำนาจโดนด้วย
เมื่อวันที่ 27 กันยายน ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน ได้ทำหนังสือด่วนที่สุด ประทับตรา "ลับ" ลงวันที่ 11 กันยายน สรุปผลการวินิจฉัยของผู้ตรวจการแผ่นดิน ถึงรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กรณีตรวจสอบการปฏิบัติหน้าที่ของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา ปฏิบัติ หรือละเว้นปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ โดยการดำเนินโครงการเงินกู้การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) และการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนสมาชิกคุรุสภาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ประกอบกับได้นำเงินกองทุนสะสมจากกองทุนดังกล่าวมาปล่อยกู้ให้กับเอกชนโดยมิชอบ ทำให้สมาชิกกองทุน ช.พ.ค.และ ช.พ.ส.ได้รับความเสียหาย เนื่องจากกรณีดังกล่าวมีผลกระทบต่อความเสียหายของประชาชนส่วนรวม หรือเพื่อคุ้มครองประโยชน์สาธารณะ
ทั้งนี้ ข้อความในหนังสือระบุข้อกล่าวหาว่า ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินได้พิจารณาข้อเท็จจริงและข้อกฎหมายที่เกี่ยวข้องแล้ว อาศัยอำนาจตามมาตรา 32 แห่ง พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยผู้ตรวจการแผ่นดิน พ.ศ.2552 ให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องดำเนินการดังนี้
1.กรณีซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน 2,100 ล้านบาท กับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด โดยให้ ศธ.ดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลที่ถูกกล่าวหาร่วมกระทำผิด ดังนี้
1.1 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 1 ในฐานความผิดฐานกระทำการโดยทุจริตปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีพฤติการณ์สมรู้ร่วมคิดกับเอกชน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 83, 157, 341 ประกอบด้วย พ.ร.บ.ประกอบรัฐธรรมนูญว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริต พ.ศ.2542 แก้ไขเพิ่มเติม พ.ศ.2550 และ (ฉบับที่ 2) พ.ศ.2554 มาตรา 123/1 และ พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 11
1.2 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 2 ในฐานความผิดเดียวกับอดีตผู้บริหารรายที่ 1
หนังสือระบุอีกว่า
1.3 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 3 ในฐานความผิดเดียวกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 1 และรายที่ 2 แต่เพิ่มมาตรา 264, 265 ตามประมวลกฎหมายอาญา
1.4 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับคณะกรรมการกองทุนฯ กลุ่มที่ 1 ในฐานความผิดเดียวกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 1 และรายที่ 2 แต่เพิ่มมาตรา 86 ตามประมวลกฎหมายอาญา
1.5 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับคณะผู้บริหารบริษัทบิลเลี่ยนฯ 9 ราย ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 1 กับพวก และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 83
1.6 ตั้งกรรมการสอบสวนทางวินัยกับคณะกรรมการกองทุนฯ กลุ่มที่ 2
หนังสือระบุว่า
2.ประเด็นเรื่องการกระทำของเจ้าหน้าที่ของรัฐและเอกชนร่วมกันทำผิด กรณีซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน 400 ล้านบาท โดยให้ ศธ.ดำเนินการตามกฎหมายกับบุคคลที่ร่วมกันทำผิด ดังนี้
2.1 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 1 ในความผิดฐานกระทำการโดยทุจริตปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ และมีพฤติการณ์สมรู้ร่วมคิดกับเอกชน ก่อให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157, 341, 83, 86 ประกอบด้วย พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 มาตรา 9 และมาตรา 11
2.2 และ 2.3 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 2 และรายที่ 3 ในฐานความผิดเดียวกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 1
2.4 ร้องทุกข์ต่อพนักงานสอบสวนให้ดำเนินคดีกับคณะผู้บริหารบริษัทบิลเลี่ยนฯ ในความผิดฐานร่วมกันฉ้อโกงทรัพย์ และเป็นตัวการร่วมกระทำความผิดกับอดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 1 กับพวก และความผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานของรัฐ พ.ศ.2502 มาตรา 8 และมาตรา 11 ประกอบประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 และมาตรา 83
หนังสือระบุต่อว่า และ
3.ประเด็นการปิดบัญชีและการเบิกถอนเงินของธนาคารธนชาต สาขาสี่แยกเฉลิมบุรี (เยาวราช) ขอให้ ศธ.มีหนังสือถึงธนาคารดังกล่าวชดใช้เงินจำนวน 2,100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ยอัตราร้อยละ 7.5 ต่อปี ของเงินต้น 2,100 ล้านบาท นับตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2556 จนกว่าจะชำระเสร็จให้กับ สกสค. หากไม่ดำเนินการภายในระยะเวลาที่กำหนด ให้ ศธ.ฟ้องร้องเรียกเงินจำนวนดังกล่าวต่อศาลที่มีเขตอำนาจต่อไปตามกฎหมาย
"จึงเรียนมาเพื่อโปรดพิจารณาดำเนินการ ผลเป็นประการใดกรุณาแจ้งให้สำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดินทราบภายใน 30 วันนับแต่วันที่ได้รับหนังสือฉบับนี้" หนังสือดังกล่าวระบุ (อ่านรายละเอียด น.7)
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า นับเป็นความคืบหน้าในการดำเนินการตรวจสอบการทุจริตเงินกองทุนฯ ช.พ.ค. วงเงินรวม 2,500 ล้านบาทอย่างมาก หลังจากสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) มีมติเห็นชอบให้อายัดทรัพย์อดีตผู้บริหาร สกสค.กับพวก และผู้บริหารบริษัทบิลเลี่ยนฯ จำนวน 146 รายการ รวมมูลค่า 183 ล้านบาทไปก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะกรณีที่ประธานผู้ตรวจการแผ่นดินวินิจฉัยให้ธนาคารธนชาตยินยอมให้ สกสค.ปิดบัญชี และถอนเงินฝากประจำและเงินฝากออมทรัพย์ รวม 4 บัญชี เป็นเงิน 2,100 ล้านบาท ทั้งที่อดีตผู้บริหาร สกสค.รายที่ 3 ไม่มีอำนาจลงนามในหนังสือปิดบัญชีฯ ผู้ตรวจการแผ่นดินเห็นว่าเป็นความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรงในการปฏิบัติหน้าที่ของผู้จัดการสาขาของธนาคารดังกล่าว และธนาคารในฐานะตัวการ จึงต้องร่วมรับผิดชอบกับผู้จัดการสาขา ชดใช้เงิน 2,100 ล้านบาท พร้อมดอกเบี้ย 7.5% ต่อปี ตั้งวันที่ 27 ธันวาคม 2556 จนกว่าจะชำระเสร็จให้ สกสค.
พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการ ศธ. กล่าวว่า กรณีของบริษัทบิลเลี่ยนฯมีความผิดชัดเจนอยู่แล้ว คงต้องดำเนินการไปตามขั้นตอน ที่ผ่านมา สกสค.แจ้งความเอาผิดกับบริษัทบิลเลี่ยนฯแล้วหลายคดี แต่เจ้าหน้าที่ตำรวจตรวจสอบข้อมูลหลักฐานแล้วเห็นว่าเป็นคดีที่เกี่ยวข้องกับสำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) จึงส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ดำเนินการต่อ ก็คงจะตามเรื่องจากตรงนั้น วันที่ 28 กันยายนนี้ จะประชุมคณะกรรมการ สกสค.คิดว่าน่าจะมีหลายเรื่องที่มีความชัดเจน
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. กล่าวว่า ขณะนี้ได้ตั้งกรรมการสอบสวนความผิดทางละเมิด และสอบวินัยผู้เกี่ยวข้องกับการอนุมัติซื้อตั๋วสัญญากับบริษัทบิลเลี่ยนฯแล้ว แต่ สกสค.สอบได้เฉพาะพนักงานที่ยังปฏิบัติหน้าที่กับ สกสค.เท่านั้น ส่วนคนอื่นๆ ที่พ้นจากตำแหน่งไปแล้ว อาทิ นายสมศักดิ์ ตาไชย อดีตเลขาธิการ สกสค. นายเกษม กลั่นยิ่ง อดีตประธานคณะกรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการ ช.พ.ค. และคณะกรรมการกองทุนฯ คนอื่นๆ ไม่ได้เป็นพนักงานของ สกสค.แล้ว อยู่ในการตรวจสอบของ ป.ป.ช.และหน่วยงานอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ส่วนการเอาผิดกับบริษัทบิลเลี่ยนฯนั้น ได้ส่งข้อมูลทั้งหมดให้อัยการดำเนินการฟ้องคดีทางแพ่งเพื่อเรียกเงินคืนทั้งหมดแล้ว
"เมื่อเร็วๆ นี้ รัฐมนตรีว่าการ ศธ.สั่งการให้ทำหนังสือเชิญหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับการตรวจสอบปัญหาทั้งหมดใน สกสค.ทั้ง ป.ป.ช., ปปง., คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ฯลฯ มาหารือเพื่อวางแนวทางแก้ปัญหาดังกล่าว โดย พล.อ.ดาว์พงษ์จะเป็นผู้ลงนามในหนังสือเชิญด้วยตนเอง" นายพินิจศักดิ์กล่าว
รายงานข่าวจากธนาคารธนชาต จำกัด (มหาชน) เปิดเผยถึงกรณีที่บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ออกตั๋วสัญญาเงินฝากให้ข้าราชการครูเข้าเป็นสมาชิก โดยในบัญชีเงินฝากมีเงินจำนวน 2,100 ล้านบาท และดอกเบี้ย 7.5% นับตั้งแต่วันที่ 27 ธันวาคม 2556 ต่อมาภายหลังบริษัทมีการปิดบัญชีดังกล่าวไป และโยกย้ายเงินไปยังแหล่งอื่นว่า ขณะนี้ทางนายสมเจตน์ หมู่ศิริเลิศ ประธานเจ้าหน้าที่บริหารและกรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารธนชาต ได้รับทราบเรื่องเป็นที่เรียบร้อยแล้ว และกำลังอยู่ระหว่างการตรวจสอบข้อเท็จจริงกับสาขารายย่อยที่มีการเปิดบัญชีดังกล่าวว่าจะมีการกระทำทุจริตหรือไม่อย่างไร ทั้งนี้ ต้องรอติดตามผลการตรวจสอบให้แล้วเสร็จก่อนจึงจะมีการชี้แจงข้อเท็จจริงให้ทราบโดยทั่วกัน
ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 29 ก.ย. 2558 (กรอบบ่าย)