ปลัด ศธ.เผยมีบัญชีรายชื่อลูกหนี้ครบไม่กลัวเบี้ยว จ่อใช้กฎหมายทวงคืน
เมื่อวันที่ 23 ก.ย.58 พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวถึงปัญหาหนี้สินครูที่มีจำนวนมากขึ้น ว่า กระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ไม่ได้นิ่งนอนใจในเรื่องดังกล่าวและเป็นห่วงครู แต่การที่จะตัดสินใจอะไร ต้องดูสิ่งที่ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี อดีต รมว.ศึกษาธิการ ได้ดำเนินการไว้ก่อนหน้านี้ โดยมอบให้รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ.นำข้อมูลเรื่องดังกล่าวมารายงาน
ด้าน รศ.นพ.กำจร กล่าวว่า ตนกำลังรวบรวมข้อมูลปัญหาหนี้สินข้าราชการครู รวมถึงแนวทางให้ความช่วยเหลือ ทั้งจากสำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) กองทุนหมุนเวียนเพื่อแก้ไขปัญหาหนี้สินข้าราชการครู และโครงการต่างๆ ในส่วนของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เพื่อเสนอ รมว.ศึกษาธิการ รับทราบและมีนโยบายว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป ซึ่งการแก้ไขปัญหาในภาพรวมใหญ่ต้องเป็นนโยบายของรัฐบาล
ทั้งนี้ ตนยอมรับว่า ครูมีหนี้จำนวนมหาศาล แต่คนที่เป็นปัญหามีเพียงจำนวนหนึ่งไม่ใช่คนที่เป็นหนี้ทั้งหมด ซึ่งการให้ความช่วยเหลือโดยการออกมาตรการต่างๆ ที่ผ่านมาก็ทำให้ครูที่เป็นหนี้สินส่วนหนึ่ง สามารถดำเนินชีวิตต่อไปได้ ดังนั้น จากนี้กองทุนต่างๆ ที่มีอยู่ทั้งในส่วนของ ก.ค.ศ.และ สกสค.คงจะต้องกลับมาดูว่าจะช่วยเหลือครูได้อย่างไร แต่ต้องไม่ใช่การใช้หนี้แทน
ปลัด ศธ.กล่าวต่อไปว่า สำหรับกรณีกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) เพื่อชำระหนี้แทนครู ในกรณีที่ครูค้างชำระหนี้ติดกัน 3 งวดนั้น ได้มีการหยุดชำระหนี้แทนไว้แล้ว และจะกลับมาพิจารณาทบทวนทั้งหมดว่า การชำระหนี้แทนเป็นข้อตกลงระหว่างธนาคารออมสิน กับกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ หรือไม่ ซึ่งการที่ทางธนาคารออมสิน หักเงินในบัญชีเพื่อชำระหนี้แทนลูกหนี้ไ ด้โดยไม่ต้องแจ้ง สกสค เป็นวิถีที่ประหลาด มีครูบางส่วนเท่านั้นที่รู้ และใช้ช่องทางนี้เบี้ยวหนี้
อย่างไรก็ตาม เงินที่ชำระหนี้แทนไปนั้น ไม่ใช่ว่าผู้ที่เบี้ยวหนี้จะหมดหนี้สิน แต่ต้องมาเป็นลูกหนี้กับ สกสค.ในส่วนที่จ่ายแทนไป โดยขณะนี้มีเงินที่ชำระหนี้แทนไปทั้งหมดประมาณ 5,000 กว่าล้านบาท ซึ่งที่ผ่านมาตนได้หารือ ศ.ดร.สุรพล นิติไกรพจน์ กรรมการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ และเห็นว่าต้องมีการทวงเงินที่ชำระหนี้แทนคืนแต่จะด้วยวิธีใด เมื่อไหร่ และจะฟ้องร้องอย่างไรก็ต้องไปดูข้อกฎหมายที่ชัดเจน แต่ยังไงก็ต้องทวงคืนแน่นอน เพราะมีรายชื่อลูกหนี้ทั้งหมดอยู่แล้ว ดังนั้น ขอให้ผู้ที่เป็นหนี้รู้ตัวเองและรับผิดชอบการชำระหนี้สินด้วย
นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ.ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค.กล่าวถึงสถานภาพของกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษ และส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค.เพื่อชำระหนี้แทนครู โดยยืนยันว่า ขณะนี้สถานภาพกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ไม่มีปัญหาอะไร เนื่องจาก สกสค.ได้หยุดชำระหนี้แทนผู้ที่ค้างการชำระหนี้ไปแล้ว ตั้งแต่วันที่ 31 ส.ค.58 ที่ผ่านมา ซึ่งตามปกติ สกสค.ต้องส่งเงินกองทุนสนับสนุนพิเศษฯ สมทบให้แก่ธนาคารออมสิน เพิ่มเติมจากที่ธนาคารให้การสนับสนุนมาโดยเฉลี่ยต้องจ่ายเพิ่มเดือนละ 100 ล้านบาท แต่ถ้าหากไม่หยุดและชำระแทนต่อไปเรื่อยๆ เงินก็จะหมด
อย่างไรก็ตาม สกสค.กำลังประสานกับธนาคารออมสิน ว่ามาตรการช่วยเหลือปัญหาหนี้สินครูที่ได้ออกไปแล้วมีครูยื่นความจำนงกี่คน และต้องมีการเพิ่มเติมมาตรการใดอีกบ้าง ซึ่งเชื่อว่าภายในเดือน ต.ค.58 นี้ ธนาคารออมสินจะสรุปข้อมูลทั้งหมดเสนอมา และเท่าที่ทราบขณะนี้สาขาของธนาคารออมสินบางแห่ง ได้ร่วมมือกับสหกรณ์ออมทรัพย์ครูในพื้นที่ เพื่อทำงานร่วมกันไม่ใช่แข่งกันหาลูกค้าเหมือนที่ผ่านมา เช่น ครูบางคนยื่นกู้ทั้งธนาคารออมสิน และสหกรณ์ออมทรัพย์ครู และได้รับอนุมัติทั้ง 2 ส่วน ซึ่งหากยื่นกู้แห่งละ 3 ล้านบาท ก็จะได้รับเงินกู้รวม 6 ล้านบาท และจะมีปัญหาในการชำระหนี้คืน เป็นต้น แต่ถ้ามีการทำงานร่วมกันจะได้รู้ว่าผู้กู้ยื่นกู้ไว้ที่ใดบ้าง
ที่มา สยามรัฐ วันที่ 23 กันยายน 2558