ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยระบบการศึกษา ติงพัฒนาครูไม่ก้าวหน้า สะเปะสะปะ ไร้ทิศทางเหตุขาดความเชื่อมโยงในการทำงานที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกันพร้อมเผยสมรรถนะของครูต้องมี 3 ด้าน คือ ครูต้องมีความรู้ในเชิงวิชาชีพมีทักษะวิชาชีพครู และมีความเป็นครูแนะปรับเข้าสู่วิทยฐานะควรเอาผลลัพธ์ที่ตัวเด็กเป็นตัวตั้ง ยกเลิกวัดผลลัพธ์เอกสาร โรงเรียนได้รางวัล
รศ.ดร.ประวิต เอราวรรณ์ ประธานมูลนิธิสถาบันวิจัยระบบการศึกษา (ไออาร์อีเอส) เปิดเผยว่า ระบบการพัฒนาครู ที่ยังไม่ก้าวหน้าและเห็นผลเป็นรูปธรรม แม้จะมีการให้ความสำคัญในเรื่องดังกล่าวอย่างมาก เป็นเพราะหน่วยงานที่รับผิดชอบ ไม่ว่าจะเป็นหน่วยงานฝ่ายผลิตครู คุรุสภา สำนักงานคณะกรรมการการอุดมศึกษา สถาบันการผลิตครู, หน่วยงานผู้ใช้ครู สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา และหน่วยงานที่ดูแลความก้าวหน้าของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ทั้งเรื่องวิทยฐานะ เงินเดือนครู สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ยังขาดความเชื่อมโยงในการทำงานเพื่อพัฒนาครูที่สอดคล้องไปในทิศทางเดียวกัน และขาดการดำเนินการเป็นไปตามกรอบสมรรถนะครูเดียวกันทั้งประเทศ ทำให้การบริหารจัดการออกนอกลู่นอกทาง และไม่มีแนวทางชัดเจน
"ทางสถาบันได้ทำการศึกษาวิจัยเกี่ยวกับสมรรถนะครูตามที่คุรุสภาให้ทุนในการวิจัย ซึ่งพบว่า สมรรถนะของครูต้องมี 3 ด้าน คือ ครูต้องมีความรู้ในเชิงวิชาชีพมีทักษะวิชาชีพครู และมีความเป็นครูแต่ทุกวันนี้คุรุสภายังไม่ได้ประกาศใช้ อีกทั้งหน่วยงานอื่นๆ ยังไม่มีการกำหนดสมรรถนะครูที่ชัดเจนทำให้ต่างคนต่างพัฒนาครูไม่มีรูปแบบชัดเจนจนทำให้การผลิตครูเป็นไปอย่างสะเปะสะปะ ดังนั้น การพัฒนาครูควรมีการกำหนดสมรรถนะที่ชัดเจนและมีการพัฒนาอย่างต่อเนื่อง" รศ.ดร.ประวิต กล่าว
นอกจากนั้น อยากให้มีการดำเนินการโครงการคุรุทายาท ต่อเนื่องไปเรื่อยๆ เพราะโครงการดังกล่าวเป็นการผลิตครูที่ทำให้ได้ครูคุณภาพ คัดคนเก่งดีมาเป็นครูจบแล้วมีงานทำมีกระบวนการ ฝึกจิตวิญญาณความเป็นครู ส่วนการปรับการเข้าสู่วิทยฐานะควรเอาผลลัพธ์ที่ตัวเด็กเป็นตัวตั้ง ไม่ใช่เอาผลลัพธ์เอกสาร โรงเรียนได้รางวัล เรื่องเหล่านี้ควรยกเลิก แต่ควรจะหากระบวนการที่ไม่ยุ่งยาก ไม่เป็นภาระครู และไม่ทำให้ครูทิ้งห้องเรียนมาทำผลงาน
ที่มา: หนังสือพิมพ์คมชัดลึก