รมว.ศึกษาธิการ มอบนโยบายเขตพื้นที่เร่งขับเคลื่อนนโยบายลดเวลาเรียน แนะครูต้องสอนเด็กให้รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดี ด้าน “กมล” เตรียมเสนอรูปแบบลดเวลาเรียน
วันนี้ (7 ก.ย.) ที่โรงแรมดวงจิต รีสอร์ท แอนด์ สปา จังหวัดภูเก็ต สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) จัดประชุมผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศ โดย พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศึกษาธิการ กล่าวตอนหนึ่งในการมอบนโยบายว่า อยากให้ทุกเขตพื้นที่การศึกษาทำความเข้าใจนโยบายของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) และนโยบายรัฐบาลให้ถ่องแท้ เพื่อถ่ายทอดไปสู่โรงเรียนให้เกิดการปฎิบัติอย่างจริงจัง โดยเฉพาะการจัดการศึกษาให้เด็กมีความสุข ครูมีความสุข และผู้ปกครองมีความสุข
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า สำหรับนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ ถือเป็นภารกิจหลักที่ทุกเขตพื้นที่จะต้องดำเนินการอย่างเร่งด่วน ซึ่งเมื่อลดเวลาลงชั่วโมงเรียนจะต้องลดลงด้วย ดังนั้นสพฐ.จะต้องไปหากิจกรรมที่ส่งเสริมทักษะผู้เรียน เนื่องจากผู้ปกครองมีความกังวลว่าเมื่อลดเวลาเรียนจะทำให้บุตรหลานของตนเองเรียนไม่เต็มที่ไม่สามารถแข่งขันในการสอบได้ ซึ่งเมนูกิจกรรมที่ สพฐ.คิดนั้นจะต้องตอบโจทย์สังคมด้วยว่าจะไปพัฒนาเด็กในด้านไหน
"ผมไม่สนใจตัวเลขว่าจะมีโรงเรียนร่วมนำร่องนโยบายลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ถึง 10% ตามที่กำหนดไว้หรือไม่ และ สพฐ.ไม่จำเป็นต้องไปเร่งไล่บี้ให้โรงเรียนเข้าร่วมกิจกรรม เพราะผมต้องการโรงเรียนที่มีความพร้อมในการปฎิบัติจริง ๆ" พล.อ.ดาวพงษ์ กล่าวและว่า ส่วนการแก้ปัญหาทุจริตคอรัปชั่นเกิดขึ้นกับทุกกระทรวง แต่ตนไม่ชอบให้ใครมาดูถูกกระทรวงของเราในเรื่องนี้ ซึ่งทุกคนต้องช่วยกัน โดยระบบการเรียกรับผลประโยชน์ไม่โทษใครฝ่ายเดียว เพราะการเมืองบ้านเราต้องใช้เงินในการคงอยู่และก้าวต่อไป ข้าราชการที่ไม่ยอมก็ถูกเล่นงานแบบลงนรกและจมดินเป็นวนเวียนอยู่แบบนี้ รวมถึงที่ผ่านมามีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย โดยเฉพาะเรื่องสีเสื้อ ดังนั้นครูจะต้องสอนเด็กให้รู้จักแยกแยะว่าอะไรถูกอะไรผิด ซึ่งเรามีครูหลายแสนคนทั่วประเทศหากครู 1 คนสอนเด็กในเรื่องนี้ได้ 40 คนก็จะช่วยสร้างคนรุ่นใหม่ที่รู้จักแยกแยะผิดชอบชั่วดีไม่ถูกชี้นำได้เป็นสิบล้านคน
ด้าน ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการ กพฐ. กล่าวว่า ตนเตรียมเสนอรูปแบบกิจกรรมลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ให้ รมว.ศึกษาธิการพิจารณา ในวันที่ 9 ก.ย.นี้ ซึ่งกิจกรรมแบ่งออกเป็น 4 รูปแบบ คือ 1.กิจกรรมที่จัดตามวิชาหลัก 2.เปิดชมรมเลือกเสรี 3.สอนการบ้านหรือสอนเสริม และ4.สอนอาชีพและภูมิปัญญาท้องถิ่น นอกจากนี้จะหารือกับสำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.). และสถาบันทดสอบทางการศึกษาแห่งชาติ (สทศ.) เพื่อปรับรูปแบบการประเมินใหม่ให้เหมาะสมกับรูปแบบกิจกรรมลดเวลาเรียน.
อ่านต่อที่ : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 7 กันยายน 2558