ค้นหาทุกอย่างในเว็บครูบ้านนอก :
ชุมชนครู บุคลากรทางการศึกษา และนักเรียน แหล่งความรู้สำหรับครู นักเรียน ข่าวการศึกษา ห้องสมุดความรู้ทุกกลุ่มสาระการเรียนรู้ และความรู้ทั่วไป เผยแพร่ผลงานวิชาการ ที่นี่


ข่าวการศึกษา     ความรู้ทั่วไป     งานราชการ/รัฐวิสาหกิจ/บริการสังคมข่าวการศึกษา  ▶ ข่าว/บทความ ▶ หน้าแรก

"ดาว์พงษ์" นัดถกปรับลดตารางเรียนนักวิชาการหวั่นกระทบเข้ามหาลัย


ข่าวการศึกษา 31 ส.ค. 2558 เวลา 15:51 น. เปิดอ่าน : 7,652 ครั้ง
Advertisement

"ดาว์พงษ์" นัดถกปรับลดตารางเรียนนักวิชาการหวั่นกระทบเข้ามหาลัย

Advertisement

'ประยุทธ์'หนุนเลิกเรียนบ่ายสอง ให้ ร.ร.หากิจกรรมอื่นทำต่อ 'บิ๊กหนุ่ย' นัดถกตารางลดเวลาเรียน-เพิ่มกิจกรรม 31 สิงหาฯ ด้าน สพฐ.ยัน หลัง 14.00 น. ทำกิจกรรมเสริมต่อ ขณะที่นักวิชาการ-ผู้บริหาร ร.ร.หวั่นกระทบเข้ามหาวิทยาลัยถ้ายังเน้นข้อสอบยาก ครูวัดบางหญ้าแพรก ห่วงเด็กหนีเที่ยว-เล่นเกม เหตุพ่อแม่ยังไม่เลิกงาน

กรณี พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) มีนโยบาย "การลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้" โดยจะนำร่องในโรงเรียนประถมศึกษา 3,500 โรง ในภาคเรียนที่ 2/2558 โดยให้ลดเวลาเรียนวิชาการถึงเวลา 14.00 น. และเปิดโอกาสให้นักเรียนทำกิจกรรมเสริมจนถึงเวลาเลิกเรียนปกติ เวลา 16.00-17.00 น. หรือหากผู้ปกครองคนใดมีความจำเป็นที่จะต้องรับนักเรียนกลับบ้าน ก็ทำได้ ภายหลังสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ได้ศึกษา โดยเห็นควรลดการเรียนวิชาหลักในระดับประถมศึกษาลง จากเดิมเรียน 1,200 ชั่วโมงต่อปี เหลือ 840 ชั่วโมงต่อปีนั้น

เมื่อวันที่ 30 สิงหาคม นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยว่า วันที่ 31 สิงหาคม พล.อ.ดาว์พงษ์ได้นัดหารือหน่วยงานที่เกี่ยวข้องกับนโยบายปรับลดเวลาเรียน เพิ่มเวลารู้ โดย สพฐ.จะนำเสนอตัวอย่างตารางการปรับลดเวลาให้พิจารณา โดยหลักการที่วางไว้จะให้เลิกเรียนวิชาหลักในเวลา 14.00 น. หลังจากนั้นให้ทำกิจกรรมเสริมสร้างทักษะการเรียนรู้จนถึงเวลาเลิกเรียนตามปกติ ไม่ปล่อยให้เด็กกลับบ้านก่อนเวลา หากผู้ปกครองมีความประสงค์จะให้เด็กกลับบ้านจะต้องแจ้งโรงเรียนเป็นกรณีพิเศษเท่านั้น อาทิ ให้เด็กกลับไปดูแลผู้ปกครองหรือญาติที่เจ็บป่วย เป็นต้น สำหรับตารางลดเวลาเรียน เพิ่มเวลาเรียนรู้ที่ สพฐ.จัดทำไว้ จะแบ่งเป็นช่วงเวลาก่อนเข้าห้องเรียน ให้นักเรียนฝึกปฏิบัติหน้าที่ ฝึกจิตสาธารณะ ฝึกวินัย และกิจกรรมหน้าเสาธง ช่วงเวลาเข้าห้องเรียนถึง 14.00 น. จัดกิจกรรมการเรียนรู้ 5 กลุ่มสาระฯ คือ ภาษาไทย ภาษาต่างประเทศ คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และสังคมศึกษา จากนั้นเป็นเวลานอกห้องเรียน โดยให้ครูจัดกิจกรรมบูรณาการตามกลุ่มสาระที่เหลือคือ สุขศึกษาและพลศึกษา การงานอาชีพและเทคโนโลยี ศิลปะ หรือให้นักเรียนทำการบ้านและเรียนรู้จากภูมิปัญญา โดยกิจกรรมเสริมทักษะทุกด้านจะไม่มีการเก็บค่าใช้จ่ายใดเพิ่มเติมจากนักเรียน

"หากรัฐมนตรีว่าการ ศธ.เห็นชอบตามตารางที่เสนอ สพฐ.จะนัดประชุมคณะทำงานชุดเล็กเพื่อวางระบบและจัดทำรูปแบบการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับโรงเรียนแต่ละประเภท ซึ่งมีความแตกต่างกัน รวมถึงพัฒนาบุคลากรและรับฟังความคิดเห็นจากผู้ปกครองและผู้เกี่ยวข้อง ขณะเดียวกันผมได้สั่งการให้เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศเตรียมคัดเลือกโรงเรียนที่มีความพร้อมมา 10% ของโรงเรียนในเขตพื้นที่ฯ เข้าร่วมนำร่องเพื่อเริ่มดำเนินการให้ทันภาคเรียนที่ 2 ปีการศึกษา 2558" เลขาธิการ กพฐ.กล่าว

นางภาวิณี ศรีสุขวัฒนานันท์ อาจารย์คณะศึกษาศาสตร์ มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ กล่าวว่า เป็นเรื่องที่ดีสำหรับโรงเรียนที่ยังคิดไม่ออกว่าจะปรับการเรียนการสอนให้เป็นไปในรูปแบบไหน แต่ตนไม่สนับสนุนให้ ศธ.เชิญครูจากทั่วประเทศมาประชุมร่วมกันเป็นกลุ่มใหญ่ เพราะคิดว่าไม่เหมาะสม เนื่องจากโรงเรียนแต่ละแห่งมีบริบทที่แตกต่างกัน ส่วนผู้บังคับบัญชาหรือผู้ที่มีหน้าที่ดูแลในเรื่องนี้ควรทำความเข้าใจให้ชัดเจน เช่น ศึกษานิเทศก์ หรือเขตพื้นที่การศึกษา ต้องมีศักยภาพมากพอที่จะเข้าไปดูแลโรงเรียนต่างๆ อีกทั้งการสร้างเครือข่ายระดับโรงเรียนที่เป็นแบบอย่างดีๆ ให้รวมตัวกันเพื่อพูดคุยแลกเปลี่ยนความคิดเห็นกันได้

นางนภารัตน์ ผาเพียว รักษาการรอง ผู้อำนวยการฝ่ายบริการ โรงเรียนเทศบาลท่าอิฐ จ.อุตรดิตถ์ กล่าวว่า เป็นโครงการที่ดีสำหรับนักเรียน เพราะปัจจุบันชั่วโมงการเรียนการสอนจะยาวนานถึงเวลา 16.30 น. จากนั้นนักเรียนยังต้องไปเรียนพิเศษต่ออีกจนถึงเวลา 20.00 น. หากนโยบายนี้ทำได้จริงน่าจะเป็นเรื่องที่ดี เพราะหลังจากเรียนวิชาการมาจนถึงเวลา 14.00 น. นักเรียนจะได้เรียนรู้จากการทำกิจกรรมเสริมต่อ อย่างโรงเรียนเทศบาลท่าอิฐจัดกิจกรรมฐานการเรียนรู้นอกห้องเรียน โดยทุกวันนี้จะใช้เวลาชั่วโมงเรียนมาทำกิจกรรม ถ้ามีโครงการนี้จะดีมาก เพราะเวลาที่จะทำกิจกรรมไม่ทับซ้อนกับเวลาเรียน

นางสิรินันท์ ศรีวีระสกุล ผู้อำนวยการ โรงเรียนปรินส์รอยแยลส์วิทยาลัย จ.เชียงใหม่ กล่าวว่า ยังเร็วไปสำหรับการที่จะพูดว่าเห็นด้วยหรือไม่เห็นด้วยกับนโยบายนี้ ต้องดูก่อนว่าจะลดเวลาเรียนอย่างไร เวลาที่เหลือจะให้นักเรียนทำอะไร ถ้าดำเนินการที่ชัดเจนก็ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ทั้งนี้ การเรียนต่อระดับอุดมศึกษาต้องสอดคล้องกัน ไม่ใช่ว่าวางแผนเตรียมนักเรียนเพื่อที่จะให้มีพัฒนาการแบบนี้ แต่พอถึงระดับอุดมศึกษา กลับเอาแต่เนื้อหาสาระยากๆ ซึ่งไม่สอดคล้องกัน สิ่งเหล่านี้จะไม่เกิดผลเลยถ้าการสอบเข้ามหาวิทยาลัยยังยึดข้อสอบยากๆ เพราะการเปลี่ยนแปลงต้องเปลี่ยนทั้งระบบ รวมถึงมีการวิจัยหรือศึกษาควบคู่ไปด้วยว่าที่นำร่องไปเกิดผลมากน้อยแค่ไหน ตรงตามวัตถุประสงค์หรือไม่ ผลสุดท้ายนักเรียนออกมาตอบกับโจทย์ที่ต้องการ หรือไม่

น.ส.ณัฐกาญจน์ นุชประเสริฐ ครูโรงเรียนวัดบางหญ้าแพรก จ.สมุทรสาคร กล่าวว่า การเลิกเรียนเวลาเดิมน่าจะเหมาะสมกว่า เพราะโดยปกติกิจกรรมอย่างชุมนุมหรือแนะแนว มักจะใช้เวลาชั่วโมงสุดท้ายอยู่แล้ว จึงอยากให้แก้ปัญหาด้านเอกสารที่มีปริมาณเยอะของครูมากกว่า เพราะเป็นปัญหาที่ทำให้ครูมีเวลาอยู่กับนักเรียนน้อยลง รวมถึงการเลิกเรียนที่เร็วขึ้น อาจมีผลกระทบกับนักเรียนบางคนที่ขอกลับบ้าน อย่างโรงเรียนวัดบางหญ้าแพรก ชุมชนโดยรอบเป็นโรงงานอุตสาหกรรม ผู้ปกครองเลิกงานช้า เมื่อนักเรียนกลับไปบ้านก็ไม่มีใครดูแล อาจจะไปเที่ยวหรือสร้างภาระที่น่าเป็นห่วงได้

นายยุทธนา อาสาชัย หนึ่งในผู้ปกครองนักเรียนในเขตเทศบาลนครนครราชสีมา กล่าวว่า คิดว่ามีทั้งผลดีและผลเสีย เนื่องจากผลเสียจะทำให้ผู้ปกครองมีค่าใช้จ่ายเพิ่มมากขึ้น เนื่องจากเมื่อนักเรียนเลิกเรียน 14.00 น. ซึ่งเป็นเวลาที่ไม่ตรงกับผู้ปกครองเลิกทำงานในเวลา 16.30-17.00 น. ดังนั้นก็จะทำให้ผู้ปกครองต้องมีการจ่ายค่ารถรับส่งนักเรียนจากโรงเรียนไปบ้าน หรือเปิดช่องทางสถานศึกษาหรือครูเปิดสอนพิเศษ และเก็บเงินค่าสอนพิเศษ อีกทั้งอาจส่งผลให้นักเรียนบางกลุ่มใช้บริการร้านอินเตอร์เน็ตหรือร้านเกมเพิ่มมากขึ้น

นายเสน่ห์ สุขนาคินทร์ ผู้อำนวยการโรงเรียนชุมชนบ้านประโดก-โคกไผ่ ฐานะแกนนำโรงเรียนประถมใน จ.นครราชสีมา กล่าวว่า สภาพแวดล้อมของสถานศึกษาในเขตชนบทไม่มีแหล่งเรียนรู้มากมายเหมือนในเขตเมือง หากเลิกเรียนเร็ว นักเรียนก็จับกลุ่มเล่นสนุกสนานกันตามประสา หรือเข้าร้านเกมอินเตอร์เน็ต ซึ่งตั้งอยู่รายล้อมสถานศึกษา ครูจะไปห้ามก็ไม่ได้เพราะโรงเรียนเลิกแล้ว มีส่วนน้อยมากๆ ที่อาจชักชวนทำการบ้านหรือติววิชาที่เรียนมา ที่สำคัญผู้ปกครองส่วนใหญ่จะเลิกงานประจำช่วงเย็น ระยะเวลา 2-3 ชั่วโมง ที่ปล่อยให้เด็กกลับบ้าน ใครจะควบคุมดูแล ควรให้เลิกตามปกติ มาแก้ปัญหาที่ถูกจุด ซึ่งกำลังบั่นทอนการเรียนการสอนจะดีกว่า

ด้าน พล.ต.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี เปิดเผยว่า พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) สนับสนุนแนวทางปฏิรูปการศึกษาอย่างเป็นรูปธรรม โดยนโยบายหนึ่งคือการลดระยะเวลาการเรียนภาควิชาการลง โดยให้เลิกในเวลา 14.00 น. แต่ทั้งนี้ต้องไม่กระทบเนื้อหาหลักที่เด็กๆ ควรเรียนรู้ เวลาที่โรงเรียนเลิกยังคงเป็นเวลาเดิมตามกำหนดของแต่ละแห่งซึ่งมักจะเป็นช่วง 16.00 น. เป็นต้นไป โดยช่วงเวลาตั้งแต่ 14.00 น. จนกว่าจะถึงเวลาโรงเรียนเลิก ทางโรงเรียนจะจัดกิจกรรมสร้างสรรค์ต่างๆ ให้นักเรียนแทน ทั้งนี้ ท่าน นายกฯฝาก สพฐ.ว่าควรจัดกิจกรรมหลากหลายที่ช่วยเพิ่มพูนทักษะการคิดวิเคราะห์ ความมีน้ำใจต่อกัน การทำงานเป็นทีม และที่สำคัญควรมีกิจกรรมกระตุ้นให้เด็กได้ค้นหาศักยภาพและความชอบของตนเอง เพราะนายกฯเชื่อว่าเด็กทุกคนมีความพิเศษ มีความสามารถในแบบฉบับของตนเอง

พล.ต.สรรเสริญกล่าวอีกว่า นายกฯแนะนำว่าการจัดกิจกรรมไม่จำเป็นต้องเปิดให้เฉพาะห้องเดียวกันหรือระดับชั้นเดียวกัน บางกิจกรรมสามารถศึกษาหรือทำร่วมกันหลายระดับชั้นได้ เพื่อให้เด็กๆ รู้จักการปรับตัว การช่วยเหลือดูแลกัน การมีปฏิสัมพันธ์กับคนหลายช่วงวัย ซึ่งเป็นการจำลองสภาพจริงในสังคมให้เด็กได้เรียนรู้ ซึ่งจะยิ่งช่วยเพิ่มทักษะในการแก้ปัญหาให้กับเด็กไทย และอยากให้ผู้ปกครองสบายใจว่า มิใช่ โรงเรียนจะเลิกเร็วแล้วกลายเป็นผลักภาระให้ผู้ปกครอง โรงเรียนยังคงต้องทำหน้าที่ให้การศึกษา แต่เป็นการศึกษาที่ไม่ได้เน้นแค่วิชาการ จนขาดทักษะด้านอื่นที่จำเป็นและสำคัญมากคือ ทักษะการใช้ชีวิตและการรู้จักตนเอง
 

 

ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 1 ก.ย. 2558 (กรอบบ่าย)

 

ร่มรถ ร่มติดรถยนต์ ร่มกันแดดรถยนต์ ม่านบังแดด ผ้าคลุมหลังคารถพับเก็บได้ กันแดดกันสาด กันขี้นก Car Sunclose

฿479 - ฿1,439

https://s.shopee.co.th/8Kb790kwhT?share_channel_code=6


"ดาว์พงษ์" นัดถกปรับลดตารางเรียนนักวิชาการหวั่นกระทบเข้ามหาลัยดาว์พงษ์นัดถกปรับลดตารางเรียนนักวิชาการหวั่นกระทบเข้ามหาลัย

Advertisement

≡ เรื่องอื่นๆ ที่น่าอ่าน ≡

:: เรื่องปักหมุด ::

ว 5/2568 หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

ว 5/2568 หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ

เปิดอ่าน 1,304 ☕ 18 มี.ค. 2568

Advertisement

≡ เรื่องน่าสนใจในหมวดหมู่นี้ ≡
ว 6/2568 การกำหนดประสบการณ์ และการมีความรู้ ความสามารถ มีความชำนาญหรือเชี่ยวชาญระดับสูง ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ กรณีเป็นผู้ที่มิใช่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
ว 6/2568 การกำหนดประสบการณ์ และการมีความรู้ ความสามารถ มีความชำนาญหรือเชี่ยวชาญระดับสูง ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ กรณีเป็นผู้ที่มิใช่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา
เปิดอ่าน 439 ☕ 19 มี.ค. 2568

การขอรับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ ประกาศนียบัตร และเงินช่วยเหลือครูอาวุโส ประจำปี 2568
การขอรับเครื่องหมายเชิดชูเกียรติ ประกาศนียบัตร และเงินช่วยเหลือครูอาวุโส ประจำปี 2568
เปิดอ่าน 279 ☕ 19 มี.ค. 2568

ว 9/2568 หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์
ว 9/2568 หลักเกณฑ์และวิธีการพัฒนาก่อนแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์
เปิดอ่าน 588 ☕ 18 มี.ค. 2568

ว 8/2568 การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรอง เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ กรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่ราชการ สังกัด ศธ.
ว 8/2568 การกำหนดอัตราเงินเดือนสำหรับคุณวุฒิที่ ก.ค.ศ. รับรอง เพื่อบรรจุและแต่งตั้งเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งศึกษานิเทศก์ กรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่ราชการ สังกัด ศธ.
เปิดอ่าน 1,643 ☕ 18 มี.ค. 2568

ว 7/2568 หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ กรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่ราชการ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ว 7/2568 หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ กรณีที่มีเหตุผลและความจำเป็นอย่างยิ่งเพื่อประโยชน์แก่ราชการ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
เปิดอ่าน 831 ☕ 18 มี.ค. 2568

ว 5/2568 หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
ว 5/2568 หลักเกณฑ์และวิธีการคัดเลือกบุคคลเพื่อบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งศึกษานิเทศก์ สังกัดกระทรวงศึกษาธิการ
เปิดอ่าน 1,304 ☕ 18 มี.ค. 2568

≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡

ไลเซนต์ Open Source ต่างกับไลเซนต์อื่นอย่างไร?
ไลเซนต์ Open Source ต่างกับไลเซนต์อื่นอย่างไร?
เปิดอ่าน 2,480 ครั้ง

ดาวน์โหลดไฟล์หนังสือและหนังสือเสียง "สอนนอกกรอบ : ยุทธวิธีจับใจศิษย์"
ดาวน์โหลดไฟล์หนังสือและหนังสือเสียง "สอนนอกกรอบ : ยุทธวิธีจับใจศิษย์"
เปิดอ่าน 12,142 ครั้ง

รู้จักวิตามิน H
รู้จักวิตามิน H
เปิดอ่าน 22,312 ครั้ง

ปิดฉาก!"ไมโครซอฟท์" ประกาศเลิกผลิตวินโดวส์รุ่นใหม่ เน้นบริการ"อัพเดต"แทน
ปิดฉาก!"ไมโครซอฟท์" ประกาศเลิกผลิตวินโดวส์รุ่นใหม่ เน้นบริการ"อัพเดต"แทน
เปิดอ่าน 7,922 ครั้ง

ดาวน์โหลดฟรีหลักสูตรแผนอาชีพ
ดาวน์โหลดฟรีหลักสูตรแผนอาชีพ
เปิดอ่าน 13,289 ครั้ง

เกมส์ รวมเกมส์สนุกๆ มากมาย
สนามเด็กเล่น

แหล่งรวมเกมส์ เกมส์ให้เล่นมากมาย ศูนย์รวมเกมส์สนุกๆ เกมส์ความรู้ เกมส์ลับสมอง เกมส์ประลองยุทธ แหล่งรวบรวมข้อมูล เกมส์ เกมส์ออนไลน์ เกมส์มันๆ เกมส์ตัดผม ไว้มากมายที่นี่ ให้เด็กๆได้เลือกเล่นมากมาย คลิกเลย

 
หมวดหมู่เนื้อหา
เนื้อหา แยกตามหมวดหมู่ สามารถเลืออ่านได้ตามหมวดหมู่ที่นี่


· Technology
· บทความเทคโนโลยีการศึกษา
· e-Learning
· Graphics & Multimedia
· OpenSource & Freeware
· ซอฟต์แวร์แนะนำ
· การถ่ายภาพ
· Hot Issue
· Research Library
· Questions in ETC
· แวดวงนักเทคโนฯ

· ความรู้ทั่วไป
· คณิตศาสตร์
· วิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี
· ภาษาต่างประเทศ
· ภาษาไทย
· สุขศึกษาและพลศึกษา
· สังคมศึกษา ศาสนาฯ
· ศิลปศึกษาและดนตรี
· การงานอาชีพ

· ข่าวการศึกษา
· ข่าวตามกระแสสังคม
· งาน/บริการสังคม
· คลิปวิดีโอยอดนิยม
· เกมส์
· เกมส์ฝึกสมอง

· ทฤษฎีทางการศึกษา
· บทความการศึกษา
· การวิจัยทางการศึกษา
· คุณครูควรรู้ไว้
· เตรียมประเมินวิทยฐานะ
· ผลงานวิชาการเล่มเต็ม
· เครื่องมือสำหรับครู

ครูบ้านนอกดอทคอม

เว็บไซต์เพื่อครู ข่าวการศึกษา ความรู้ การศึกษาไทย

      kroobannok.com

© 2000-2020 Kroobannok.com  
All rights reserved.

Thailand Web Stat

Design by : kroobannok.com


ครูบ้านนอกดอทคอม
การจัดอันดับของ Truehits Web Directory

วิธีนำแบนเนอร์ของครูบ้านนอก.คอมไปแปะในเว็บท่าน บันทึกภาพแบนเนอร์นี้และลิงค์มาที่เราครับ (มีแบนเนอร์ 2 แบบ)
 

ครูบ้านนอกดอทคอม เว็บไซต์ของครูตัวเล็กๆ คนหนึ่ง ที่หวังเพียง ใช้เป็นช่องทางในการสื่อสาร แลกเปลี่ยน เพิ่มพูนความรู้ และให้ข่าวสาร ที่ทันสมัยต่อเหตุการณ์แก่คุณครู ผู้ปฏิบัติงานในทุกพื้นที่ของประเทศไทย เพื่อความเจริญงอกงามในปัญญา และเจริญก้าวหน้าในวิชาชีพ

เว็บนี้ถือกำเนิดเมื่อ 5 มกราคม 2548

Email : kornkham@hotmail.com
Tel : 096-7158383

สนใจสนับสนุนเรา โดยลงโฆษณา
คลิกดูรายละเอียดที่นี่ครับ