"ณรงค์" ลั่นไม่น้อยใจ "ดาว์พงษ์" นั่ง รมว.ศธ.แทน เผยนายกฯ ไม่เคยปริปากระแคะระคายมาก่อน ลั่นทำใจได้ การเมืองมีเปลี่ยนแปลงตลอด มั่นใจ "เสมา 1" คนใหม่ทำงานว่องไว เฉียบขาด พกไม้เรียวมากระทรวง
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี กล่าวภายหลังมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ คณะรัฐมนตรี ว่า จากการที่ตนได้ดำรงตำแหน่งรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิ การมา 1 ปี ก็ได้มีการแก้ไขจุดอ่อนต่างๆ ที่เป็นภาพลบของกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ซึ่งขณะนี้อยู่ในขั้นตอนตรวจสอบของหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) สำนักงานป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ที่จะเข้ามาดำเนินต่อจากนี้ และจะเป็นหน้าที่ของคณะผู้บริหารชุดใหม่ที่จะต้องเข้ามาดำเนินการสานต่อ ทั้งนี้ ในส่วนที่สำคัญตนคิดว่าต้องมองย้อนไปดูถึงภาระหน้าที่ของหน่วยงาน สำนักงานเลขาธิการคุรุสภา สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) องค์การค้า สกสค. ว่าบทบาทควรมีขนาดไหน ถึงแม้ไม่มีตนปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่ง รมว.ศธ. แต่ก็ยังมีผู้บริหารองค์กรหลักทั้ง 5 ที่ยังพร้อมช่วยเหลือให้งานในส่วนนี้เดินหน้าต่อไปได้
พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวต่อว่า ในส่วนของการปฏิรูปการศึกษา ตนก็ได้แก้ไขในหลายเรื่อง ไม่ว่าจะเป็นการคืนครูสู่ห้องเรียน การปฏิรูปสู่ภาคปฏิบัติ การปรับแก้ระเบียบการขอวิทยฐานะของครูให้เน้นที่ผลสัมฤทธิ์ของผู้เรียน เป็นต้น ซึ่งตนเน้นย้ำอยู่ตลอด 1 ปี ว่าการปฏิรูปการศึกษาผลที่จะเกิดขึ้นต้องสัมพันธ์ และผู้เรียนจะต้องเป็นผู้ที่ได้รับประโยชน์ ทั้งนี้ยังมีเรื่องที่ตนอยากดำเนินการให้แล้วเสร็จ แต่ยังไม่ลุล่วงคือ โครงการคุรุทายาท และโครงการช่างเทคนิคและบัณฑิตนักปฏิบัติ ซึ่งเป็นโครงการที่จะมาผลิตครูใหม่ที่มีคุณภาพ ได้เสนอเรื่องให้นายยงยุทธ ยุทธวงศ์ อดีตรองนายกฯ พิจารณา คิดว่าจะเข้า ครม.เร็วๆ นี้ ขึ้นอยู่กับ ครม.พิจารณา เพราะเป็นโครงการระยะยาว 15 ปี ใช้งบประมาณค่อนข้างมาก แต่รัฐบาลนี้ใช้งบประมาณไปกับเรื่องอื่นๆ หลายแสนล้าน แต่ยังไม่ได้ใช้งบเพื่อโครงสร้างบุคลากรมากนัก ดังนั้นจึงอยากให้รัฐบาลทุ่มเทงบประมาณในการผลิตบุคลากรทางการศึกษาเพื่อไปเป็นครู อาจารย์ที่ดี
พล.ร.อ.ณรงค์ยังแสดงความเชื่อมั่นว่า พล.อ. ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ เป็นคนเก่ง มีความเฉียบขาด หรืออาจจะตัดสินใจอะไรได้ดีกว่าตนเอง ซึ่งอาจจะเป็นครูใหญ่ใจดี ส่วน พล.อ.ดาว์พงษ์ เข้ามาอาจจะถือไม้เรียวมาด้วยก็ได้ ในเรื่องการดูแลอาจจะเข้มงวดกว่าตน ซึ่งอาจจะทำให้เด็กหรือแม้กระทั่งข้าราชการใน ศธ.ได้ตื่นตัวมากขึ้น ทั้งนี้ ส่วนตัวเห็นว่า 1 ปีของการทำงานด้านการศึกษาถือว่ายังน้อยไป แต่ยังดีที่มีผู้บริหาร ศธ.ให้ข้อคิดเห็น ให้ข้อมูล ทำให้ตัดสินใจได้พอสมควร แต่ก็ไม่ได้มากมายอะไร
"ที่ผ่านมาเราเปลี่ยนรัฐมนตรีกันบ่อย แต่ก็ไม่น้อยใจ เพราะเป็นเรื่องปกติของการเมือง ตอนนี้ต้องยอมรับว่าผมเองเป็นข้าราชการการเมือง ก็ต้องยอมรับในความเปลี่ยนแปลง จะมาโดยเลือกตั้งหรือแต่งตั้งก็ตาม ขึ้นอยู่กับการตัดสินใจของ นายกฯ ซึ่งอาจจะมองว่าหากปรับเปลี่ยนแล้วอาจจะทำให้งานใน ศธ.เร็วขึ้น ผู้บริหารชุดใหม่อาจจะมีการตัดสินใจที่เร็วกว่า ส่วนงานในฐานะรองนายกฯ นั้นยังไม่ได้รับมอบหมาย" รมว.ศธ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า การปรับครั้งนี้มีการส่งสัญ ญาณล่วงหน้าหรือไม่ พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า ถ้าพูดตรงๆ ก็ไม่มี นายกฯ ไม่ได้ถาม ไม่ได้บอกให้ไปดูแลงานอะไรในเรื่องไหน ตนรู้พร้อมกับคนอื่นๆ ส่วนกรณีที่นายกฯ ปรับนายกฤษณพงศ์ กีรติกร ออกจากตำแหน่งรัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ.ด้วยนั้น ตนก็ไม่ทราบเหตุผลเช่นกัน แต่เมื่อมีกระแสปรับ ครม.เข้ามา ทุกคนก็ทำใจ ซึ่งผมเองก็เช่นกัน ไม่ได้รู้สึกน้อยใจอะไร เพราะอยู่ตรงไหนก็ทำงานได้เหมือนกัน
ด้าน พล.อ.ดาว์พงษ์ รมว.ศธ. กล่าวว่า ขณะนี้ตนยังไม่สามารถพูดอะไรได้มาก ขอเข้าพบ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี เพื่อขอรับทราบนโยบาย รวมถึงจะหารือกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รองนายกรัฐมนตรี ด้วยว่าการทำงานและเรื่องใดที่ต้องดำเนินการต่อบ้าง ซึ่งเวลานี้ขอเร่งสะสางงานที่กระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม (ทส.) ให้เรียบร้อยก่อน
ด้าน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ รัฐ มนตรีช่วย ศธ. กล่าวว่า เมื่อตนได้รับเข้ามาดำรงตำแหน่ง รมช.ศธ. ต่อจากนี้จะต้องมีการแบ่งงานกันระหว่าง พล.อ.ดาวพงษ์ รัตนสุวรรณ รมว.ศธ.คนใหม่ และ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศธ. ให้ชัดเจน เพื่อไม่ให้มีความทับซ้อนเรื่องการทำเอกสารต่างๆ แต่ในส่วนของการปฏิบัติงานก็คงต้องมุ่งหน้าทำงานอย่างเต็มที่ และคงทำในลักษณะที่ขับเคลื่อนไปร่วมกัน ซึ่งตนในฐานะที่เคยอยู่ในตำแหน่งผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำกระทรวงศึกษาธิการถึง 10 เดือน แน่นอนว่าตนมีแนวทางที่จะขับเคลื่อนการศึกษาของชาติให้สามารถเดินไปได้อย่างแน่นอน
ด้านนายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า การปรับเปลี่ยนให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ รัตนสุวรรณ มาทำหน้าที่ รมว.ศธ.นั้น ตนคาดว่าจะเกิดความเปลี่ยนแปลงมากมายในกระทรวง เพราะจากประสบการณ์และการทำงานในอดีต จะเห็นว่า พล.อ.ดาว์พงษ์ มีความเข้มแข็ง แก้ปัญหาต่างๆ ด้วยความเด็ดขาด ว่องไว เช่น แก้ปัญหาการบุกรุกอุทยานแห่งชาติ เป็นต้น ซึ่งการมาทำงานใน ศธ.เวลานี้ก็ต้องใช้ความเด็ดขาดในการแก้ไขปัญหา โดยเฉพาะการปฏิรูปการศึกษา การปรับโครงสร้าง ปัญหาทุจริตองค์การค้า สกสค. รวมถึงการแต่งตั้งโยกย้าย เป็นต้น คาดว่านายกฯ อยากให้ พล.อ.ดาว์พงษ์ มาดำเนินการเรื่องเหล่านี้
อย่างไรก็ตาม การปรับเปลี่ยนห้วงเวลานี้เหมาะสม เพราะเป็นช่วงเริ่มต้นปีงบประมาณ 2559 ซึ่งจะส่งผลให้การบริหารงาน วางระบบ แผนการทำงาน การใช้จ่ายงบประมาณเป็นไปอย่างต่อเนื่อง ส่วน นพ.ธีระเกียรติ เจริญเศรษฐศิลป์ ผู้ช่วยรัฐมนตรีประจำ ศธ. มีความเป็นนักวิชาการและรอบรู้นวัตกรรมการของต่างประเทศ ก็น่าจะนำสิ่งเหล่านี้มาใช้แนะนำในการปฏิรูปการศึกษา
"เวลามีการเปลี่ยนแปลงรัฐมนตรีหรือแม้กระทั่งการเปลี่ยนผู้บริหารองค์กร ผมเชื่อว่าทุกคนเป็นคนดี แต่ว่าในบางสถานการณ์นั้นอาจจะดูว่าใครเหมาะสมจะทำงานแบบไหน เพราะฉะนั้น ยกตัวอย่างเวลาพวกผมถูกปรับเปลี่ยนในวันแรกอาจจะมีน้อยใจบ้าง แต่วันถัดมาก็หาย จะตั้งใจทำงานเหมือนเดิม ขึ้นอยู่กับการพิจารณาว่าช่วงนั้นใครเหมาะสมจะทำงานอะไร" เลขาฯ กพฐ.กล่าว.
ที่มา: หนังสือพิมพ์ไทยโพสต์