“กมล”แฉคำสั่งปลอม ลงชื่อ บิ๊กเข้ สั่งปิดโรงเรียนชั่วคราวหลังเกิดเหตุระเบิดแยกราชประสงค์ เชื่อทำเป็นขบวนการสร้างความสับสน ย้ำศธ.-สพฐ.ไม่เคยออกคำสั่งปิดโรงเรียน ขอให้ใช้วิจารณญาณรับฟังข่าว อย่าด่วนเชื่อ
วันนี้ (18ส.ค.) ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) กล่าวว่า จากเหตุลอบวางระเบิดบริเวณแยกราชประสงค์เมื่อคืนวันที่ 17 สิงหาคมที่ผ่านมาตนได้ประสานไปยัง ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา (สพม.)กทม.1 ผอ.สพม.กทม.2 และผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา(สพป.)กทม.ขอให้ทุกโรงเรียนเปิดเรียนตามปกติ เพราะหากเกิดสถานการณ์แล้วสั่งปิดสถานศึกษา อาจจะส่งผลกระทบมากขึ้นได้สำหรับการสั่งปิดโรงเรียนนั้นเป็นอำนาจของผู้บริหารสถานศึกษา หากพิจารณาแล้วว่า มีเหตุสุดวิสัย หรือ มีเหตุอันควรว่าจะเกิดอันตรายต่อนักเรียนและครู ก็สามารถใช้อำนาจสั่งปิดได้ทันที
“ยืนยันว่า ศธ.และ สพฐ.ยังไม่เคยสั่งปิดโรงเรียน แต่ก็มีกระบวนการสร้างสถานการณ์ โดยในช่วงเช้าวันที่ 18 สิงหาคม ผอ.สพป.กทม.ก็ได้ส่งไลน์มาสอบถามผมอีก เนื่องจากมีการส่งต่อหนังสือคำสั่งกระทรวงศึกษาธิการที่ ศธ.869/2558 เรื่อง ให้โรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปิดทำการชั่วคราว โดยระบุว่าจากสถานการณ์ความไม่สงบในพื้นที่กรุงเทพมหานคร เมื่อวันที่ 17สิงหาคม ได้มีผู้เสียชีวิต และบาดเจ็บจำนวนมาก เพื่อให้เกิดความปลอดภัยแก่นักเรียนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในโรงเรียนในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ศธ.จึงขอสั่งการให้โรงเรียนทุกสังกัดในพื้นที่กรุงเทพมหานคร ปิดทำการเป็นเวลา 1 วัน ในวันที่ 18 สิงหาคม 2558 ทั้งนี้ ตั้งแต่วันนี้เป็นต้นไป จนกว่าจะมีการเปลี่ยนแปลงลง ชื่อ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่งผมได้ทำการตรวจสอบไปยังสำนักงานรัฐมนตรี และสำนักงานปลัด ศธ.ได้รับคำยืนยันว่าไม่มีคำสั่งดังกล่าว” เลขาธิการกพฐ.กล่าวและว่าขณะนี้คิดว่ามีการทำเป็นขบวนการจากที่เมื่อวาน มีการออกข่าวว่าให้หยุดเรียน วันนี้ออกเป็นหนังสือคำสั่งปลอมออกมาอีก แต่เชื่อว่าเจ้าหน้าที่ตำรวจจะหาต้นตอคนปล่อยข่าวได้ ดังนั้น หากมีประเด็น หรือ ข้อสงสัยขอให้ผู้ปกครองสอบถามไปยังเขตพื้นที่การศึกษา หรือ โรงเรียนได้โดยตรง ซึ่งทางเขตพื้นที่ฯและโรงเรียนก็จะตรวจสอบ หรือ สอบถามมายัง สพฐ.
ดร.กมล กล่าวอีกว่า หากสพฐ.จะมีนโยบายอะไรก็จะทำเป็นภาพรวมประกาศชัดเจนอย่างไรก็ตามเนื่องจากขณะนี้มีข่าวลือข่าวปล่อยออกมามาก จึงได้สั่งการให้ผอ.โรงเรียน และ ผอ.เขตพื้นที่การศึกษา ได้ติดตามสถานการณ์อย่างใกล้ชิด และใช้วิจารณญาณในการตัดสินใจที่สำคัญขอให้ ผอ.โรงเรียนสอดส่องดูแลและกำชับนักเรียนเมื่อเรียนเสร็จ ให้รีบกลับบ้านทันทีอย่าไปเที่ยวเตร็ดเตร่นอกสถานที่.
อ่านต่อที่ : หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 18 สิงหาคม 2558