Advertisement
เชื่อว่าคนที่ชอบเล่นอินเทอร์เน็ตทั้งหลาย คงไม่มีใครไม่เคยไม่ใช้หรือไม่รู้จักอีโมติคอนอย่าง (T_T) ซึ่งเป็นการประยุกต์เอาตัวอักษรมาเป็นหน้าตา ที่บ่งบอกถึงอารมณ์ของคนเขียน ซึ่งตัวอย่างเก่าแก่ที่สุดที่ใช้ตัวอักษรแทนหน้าคน ปรากฏบนโฆษณาในหนังสือพิมพ์นิวยอร์กเฮรัลด์ทรีบูน (New York Herald Tribune) ฉบับวันที่ 10 มี.ค. 2496 หน้า 20 คอลัมน์ 4 ถึง 6 ประชาสัมพันธ์ภาพยนตร์เรื่องลิลี (Lili) นำแสดงโดย เลสลี แครอน (Leslie Caron)

โดยมีข้อความดังนี้
Today
You’ll laugh :)
You’ll cry :(
You’ll love
Lili
การแสดงอีโมติคอนดังกล่าวเป็นการแสดงแบบแนวทแยง ซึ่งเป็นครั้งแรกที่มีการใช้ตัวอักษรในลักษณะนี้ ซึ่งต่อมาเราเรียกแบบนี้ว่าเป็น อีโมติคอนแบบตะวันตก ต่อมาราวๆ เดือน ก.ย. 2525 สกอต อี. ฟาลแมน ศาสตราจารย์ด้านการวิจัยวิทยาการทางคอมพิวเตอร์ แห่งมหาวิทยาลัย คาร์เนกี เมลลอน ได้นำเครื่องหมายโคลอน ยัติภังค์ และวงเล็บมาประกอบเข้าด้วยกัน
เพื่อให้ผู้ใช้คอมพิวเตอร์มีเครื่องมือในการบ่งบอกอารมณ์ความรู้สึกในข้อความอีเมลของพวกเขา จึงเป็นครั้งแรกที่ผู้คนสามารถสื่อสารอารมณ์ขันหรือความรู้สึกดีๆ ด้วยการยิ้ม หรือแสดงความรู้สึกแย่ๆ ด้วยการทำหน้าบึ้ง และนี้ก็คือจุดเริ่มต้นเล็กๆ ของเหล่าอีโมติคอน ซึ่งบางครั้งตัวอักษรก็ไม่สามารถอธิบายความหมายแท้จริงในจิตใจของผู้เขียนได้ เช่น :-/ :- ;-) :-D
ต่อมามีผู้คิดค้นอีโมติคอนแบบใหม่ๆ ออกมาที่ดูง่ายและชัดเจนมากกว่าเดิม และชนชาติช่างคิดค้นก็ไม่พ้นชาวญี่ปุ่นนั่นเอง ซึ่งอีโมติคอนของชาวญี่ปุ่นนั้นจะใช้วงเล็บเป็นโครงหน้า และอักษรที่อยู่ด้านบน 2 ตัว เป็นตา และคั่นกลางด้วยอักษรที่อยู่ด้านล่างของบรรทัดเป็นปาก ได้รับความนิยมในหมู่คนใช้อีเมลและนักแชตทั้งหลายมาก ด้วยความน่ารักและดูง่ายกว่าแบบตะวันตก เช่น
(^_^) หมายถึงยิ้ม (~_~) เต็มใจ (`_^) ขยิบตา (>_<) โกรธ (^o^) หัวเราะ (^o^)/ หัวเราะแบบยกไม้ยกมือ (-_-) หลับแล้ว (-_-;) or (^_^') แฮะๆๆ (_) เหล่ตา (@_@) ใส่แว่น (๔_๔) เซอร์ไพรส์ (O_O) ช็อก และอีกหลายๆ แบบ ที่บางคนก็คิดค้นกันขึ้นมาเองก็มี
จนกระทั่งโปรแกรมแชตอย่าง MSN Yahoo และ ICQ ได้เริ่มสร้างภาพอีโมติคอนสำเร็จรูปลงในโปรแกรมแชตและอีเมล ลูกเล่นเหล่านี้จึงเริ่มหายไปตามเวลา แต่เราจะรู้สึกดีเสมอเวลาที่เราได้เห็นอักษรเหล่านี้ส่งทางอีเมลหรือตอนเล่นแชตก็ตาม เวลาส่งอีเมลหาเพื่อนลองเปลี่ยนจากการใช้อีโมติคอนสำเร็จรูป มาเป็นแบบตัวอักษรธรรมดาดูบ้าง ก็จะทำให้เนื้อหาของอีเมลนั้นดูมีอารมณ์ขึ้นอีกเป็นกองเลยครับ
ไม่เชื่อลองอ่านประโยคนี้ “สบายดีไหม” “สบายดีไหม (^_^)” หรือ “วันหลังไม่ต้องมาพูดกันอีก” แต่ความจริงแล้วคนเขียนประโยคนี้ไม่ได้โกรธอะไรจริงจังก็อาจจะตีความหมายผิดไป แต่ถ้าเราใส่เป็น “วันหลังไม่ต้องมาพูดกันอีก (>_<)” อารมณ์ก็เปลี่ยนไปทันตาเห็น แล้วคุณจะไม่ลองกลับไปเล่นอะไรแบบพื้นๆ แบบที่เราเคยเล่นกันมาหน่อยหรือครับ
ขอบคุณที่มาจาก สนุกดอทคอม
เครื่องฟอกอากาศ กรองฝุ่น PM2.5 Xiaomi Mi Smart Air Purifier 4 Pro (รับประกันศูนย์ไทย 1 ปี) ลดราคา 2%
เหลือ ฿8,790 เท่านั้น!https://s.shopee.co.th/3q7uiabIyT?share_channel_code=6
Advertisement
 เปิดอ่าน 19,904 ครั้ง  เปิดอ่าน 15,547 ครั้ง  เปิดอ่าน 3,726 ครั้ง  เปิดอ่าน 31,490 ครั้ง  เปิดอ่าน 21,701 ครั้ง  เปิดอ่าน 108,365 ครั้ง  เปิดอ่าน 6,406 ครั้ง  เปิดอ่าน 16,141 ครั้ง  เปิดอ่าน 19,131 ครั้ง  เปิดอ่าน 18,226 ครั้ง  เปิดอ่าน 70,686 ครั้ง  เปิดอ่าน 39,039 ครั้ง  เปิดอ่าน 116,418 ครั้ง  เปิดอ่าน 33,953 ครั้ง  เปิดอ่าน 12,932 ครั้ง  เปิดอ่าน 123,991 ครั้ง
|

เปิดอ่าน 50,295 ☕ คลิกอ่านเลย |

เปิดอ่าน 20,967 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 21,701 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 6,162 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 44,420 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 14,961 ☕ คลิกอ่านเลย | 
เปิดอ่าน 12,576 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡ 
เปิดอ่าน 20,472 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 93,284 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 17,431 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 32,940 ครั้ง | 
เปิดอ่าน 11,102 ครั้ง |
|
|