ปลัดศธ.แจงกฎหมายครูระบุชัด ล้มละลายถือว่าขาดคุณสมบัติ ผู้มีอำนาจต้องสั่งให้ออกจากราชการ แนะเคลียร์หนี้สินอย่ารอถึงขั้นถูกฟ้องร้อง ชงสกสค.ช่วยสวัสดิการครอบครัว
จากกรณีที่มีข่าวว่ามีข้าราชการตำรวจมีปัญหาหนีัสินจนถูกศาลพิพากษาล้มละลาย และต้องถูกออกจากราชการนั้น วันนี้ (10 ส.ค.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) กล่าวว่า กรณีของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาหากถูกพิพากษาให้ล้มละลาย ก็จะขาดคุณสมบัติในการเป็นข้าราชการตามมาตรา 30 ของ พ.ร.บ.ระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 และเมื่อคุณสมบัติไม่ถูกต้องแล้ว มาตรา 110 ก็กำหนดให้ผู้มีอำนาจสั่งให้ผู้นั้น ออกจากราชการ ดังนั้น ข้าราชการครูฯที่เป็นหนี้สินอยู่จึงต้องดูแลตัวเองเพื่อไม่ให้ต้องล้มละลาย อย่างไรก็ตามขณะนี้ ศธ.พยายามช่วยเหลือทุกวิถีทาง ที่จะต่อลมหายใจ หรือ ยืดเวลา เพื่อได้มีโอกาสไปหาทรัพย์สินมาชดใช้หนี้สิน
“การกู้หนี้ยืมสินของข้าราชการครูฯ นั้น หากมีวัตถุประสงค์เพื่อนำไปใช้จ่ายในครอบครัว เช่น ดูแลพ่อแม่ที่เจ็บป่วย หรือค่าเล่าเรียนบุตร ผมจะเสนอต่อคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.)ให้ความช่วยเหลือด้านสวัสดิการที่ไม่ใช่ในรูปของเงิน แต่หากกู้ไปใช้ในการซื้อทรัพย์สินก็ควรเอาทรัพย์สินเหล่านั้นไปขาย เพื่อนำเงินมาชดใช้หนี้สินส่วนหนึ่ง ไม่ต้องรอถูกฟ้องถึงขั้นล้มละลาย ซึ่งผมเชื่อว่าขณะนี้ครูส่วนหนึ่งก็เริมดำเนินการตามแนวทางนี้ไปบ้างแล้ว ทำให้การร้องเรียนที่เข้ามายัง ศธ.ไม่หนักหนามากนัก” ปลัด ศธ.กล่าว
ปลัด ศธ. กล่าวด้วยว่า ขณะนี้มีข้าราชการครูฯที่มีหนี้สินขั้นวิกฤติรุนแรงประมาณ 1,000 กว่าราย และมาลงทะเบียนใช้บริการเข้าร่วมโครงการกับธนาคารออมสิน เพื่อจ่ายเฉพาะหนี้ก่อนยังไม่จ่ายดอกเบี้ยจำนวนหนึ่งแล้ว ซึ่งก็ช่วยบรรเทาความเดือดร้อนไปได้บ้าง ซึ่งตนอยากให้ผู้เป็นหนี้ ที่ยังวิกฤติอยู่ทั้งหลาย รีบหาหนทางอย่าปล่อยจนกระทั่งฟ้องร้องเสร็จแล้วล้มละลายซึ่งถึงตอนนั้นก็ไม่สามารถดำรงอาชีพข้าราชการต่อได้ ขณะเดียวกันบุคคลล้มละลายก็เข้าไปสอนในโรงเรียนไม่ได้ด้วย เพราะจะเป็นปัญหากับการบริหารจัดการต่อไป
อ่านต่อที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 10 สิงหาคม 25589