เล็งยุบ กมว.ชี้อำนาจซ้ำซ้อนบอร์ดคุรุสภา
"ณรงค์" เผยบอร์ดคุรุสภาสั่งแก้พ.ร.บ.สภาครูฯ หั่นองค์ประกอบกรรมการให้เล็กลง ทบทวนการมีอยู่ของ กมว. ชี้อำนาจซ้ำซ้อนคณะกรรมการคุรุสภา
วันนี้ (29ก.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยว่า จากการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา เมื่อเร็ว ๆ นี้ ที่ประชุมได้มีมติให้แก้ไข พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546 ในบางมาตรา เช่น มาตรา 12 ว่าด้วยองค์ประกอบของคณะกรรมการบริหารคุรุสภา จากที่มีกรรมการที่ประกอบด้วย กรรมการโดยตำแหน่ง กรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ กรรมการผู้แทนครู และประธานกรรมการ รวมทั้งสิ้น 39 คน ซึ่งเป็นองค์ประกอบที่ใหญ่ มาก จึงเห็นควรปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการให้มีจำนวนลดลง โดยมอบหมายให้สำนักงานเลขาธิการคุรุสภาไปพิจารณาว่า ควรมีจำนวนเท่าใดจึงจะเหมาะสม ซึ่งโดยส่วนตัวตนเห็นว่าน่าจะอยู่ที่ 20 คน นอกจากนี้มาตรา18 ที่ว่าด้วยคณะกรรมการสรรหาผู้ทรงคุณวุฒิ ที่ประชุมเห็นว่าควรจะปรับปรุงการคัดเลือกคณะกรรมการสรรหาให้มีความเหมาะสมมากขึ้น ซึ่งจะเชื่อมโยงไปถึงคณะกรรมการมาตรฐานวิชาชีพ(กมว.) ที่ในกฎหมายได้ให้อำนาจ กมว. ซ้ำซ้อนกับคณะกรรมการคุรุสภา จึงทำให้มีปัญหาในทางปฎิบัติอย่างมาก ดังนั้นที่ประชุมได้มอบให้คุรุสภาไปศึกษาว่า ยังจำเป็นต้องมี กมว.อยู่หรือไม่ หรือควรตั้งคณะอนุกรรมการขึ้นมาทำหน้าที่แทน เป็นต้น
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวต่อไปว่า ที่ประชุมยังได้หารือถึงการออกใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งกำหนดไว้ว่าต้องผ่านหลักสูตรบริหารสถานศึกษาก่อน จึงทำให้ครูที่เรียนต่อในระดับปริญญาโทจำนวนมากเลือกเรียนหลักสูตรบริหารสถานศึกษา แทนการเรียนต่อยอดเฉพาะทางในวิชาที่จบมา เช่น คณิตศาสตร์ วิทยาศาสตร์ และภาษาอังกฤษ ซึ่งถือเป็นจุดอ่อนของการศึกษาอย่างหนึ่ง ดังนั้นที่ประชุมจึงมีมติให้แก้ไขข้อบังคับคุรุสภาในเรื่องดังกล่าว โดยต่อไปไม่จำเป็นต้องจบหลักสูตรผู้บริหารสถานศึกษา แต่ต้องมีหลักเกณฑ์การคัดกรอง ว่า ต้องมีประสบการณ์อะไรบ้างจึงจะได้ใบอนุญาตประกอบวิชาชีพผู้บริหารสถานศึกษา ซึ่งนอกจากจะช่วยลดปัญหาแห่ไปเรียนสาขาบริหารสถานศึกษาแล้ว ยังแก้ปัญหาการเปิดสอนหลักสูตรจนเกร่อ รวมถึงลดปัญหาการจ่ายครบจบแน่ได้ด้วย
อ่านต่อที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 29 กรกฎาคม 2558