Advertisement
ผลประชุม ก.ค.ศ. 8/2558
พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เปิดเผยผลการประชุม ก.ค.ศ. ครั้งที่ 8/2558 เมื่อวันพุธที่ 22 กรกฎาคม 2558 ในประเด็นที่สำคัญ โดยสรุป ดังนี้
l ย้ายและแต่งตั้งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 4 ราย
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า ที่ประชุมอนุมัติย้ายและแต่งตั้งผู้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 3 ราย ได้แก่
- นายภิญโญ จันทรวงศ์ ผอ.สพม.เขต 34 (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน) ไปดำรงตำแหน่ง
ผอ.สพม.เขต 12 (นครศรีธรรมราช พัทลุง)
- นายสิทธิชัย มูลเขียน ผอ.สพม.เขต 35 (ลำปาง ลำพูน) ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.สพม.
เขต 34 (เชียงใหม่ แม่ฮ่องสอน)
- นายทองปอนด์ สาดอ่อน ผอ.สพม.เขต 36 (เชียงราย พะเยา) ไปดำรงตำแหน่ง ผอ.สพม. เขต 35 (ลำปาง ลำพูน)
นอกจากนี้ ได้อนุมัติบรรจุและแต่งตั้งผู้ได้รับการคัดเลือกและผ่านการพัฒนาก่อนการแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่งผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา จำนวน 1 ราย คือ นายอดุลย์ศักดิ์ บุญอเนก รอง ผอ.สพม.เขต 27 (ร้อยเอ็ด) ไปบรรจุและแต่งตั้งให้ดำรงตำแหน่ง ผอ.สพม. เขต 36 (เชียงราย พะเยา)
l เห็นชอบหลักเกณฑ์ฯ การย้ายข้าราชการครู สพฐ.
ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู (สายงานการสอน) สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) โดยให้ผู้ประสงค์ขอย้ายสามารถยื่นคำร้องขอย้ายตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ที่กำหนดไว้เดิม ตามหลักเกณฑ์ ว8/2549 ได้อีกเพียง 1 ครั้ง ในระหว่างวันที่ 1-15 สิงหาคม 2558 หลังจากนั้นให้ยื่นคำร้องขอย้ายตามหลักเกณฑ์และวิธีการฯ ที่กำหนดใหม่นี้ ตั้งแต่เดือนมกราคม 2559 เป็นต้นไป โดยสาระสำคัญของหลักเกณฑ์และวิธีการที่กำหนดใหม่ มีดังนี้
- การย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครู มี 3 กรณี คือ
1) การย้ายกรณีปกติ เป็นการย้ายตามคำร้องขอย้าย สามารถยื่นคำร้องขอย้ายได้ปีละ 1 ครั้ง ในเดือนมกราคมของทุกปี โดยให้ยื่นคำร้องได้เพียงเขตพื้นที่การศึกษาเดียว
2) การย้ายกรณีพิเศษ เป็นการย้ายตามคำร้องขอย้าย สามารถยื่นคำร้องขอย้ายได้ตลอดปี พร้อมหลักฐานของทางราชการหรือทางการแพทย์แผนปัจจุบัน ความเห็นและคำรับรองของผู้บังคับบัญชาชั้นต้น
3) การย้ายกรณีเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ เพื่อแก้ปัญหาการบริหารจัดการในสถานศึกษา หรือเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา หรือเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังของสถานศึกษา
3.1 การย้ายเพื่อแก้ปัญหาในการบริหารจัดการในสถานศึกษา ให้คำนึงถึงความเหมาะสม ประโยชน์ของทางราชการ และความเป็นธรรมแก่ผู้นั้นด้วย โดยให้มีการสืบสวนข้อเท็จจริงก่อนมีการดำเนินการย้าย
3.2 การย้ายเพื่อพัฒนาคุณภาพสถานศึกษา ให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือส่วนราชการ พิจารณาย้ายผู้มีความรู้ความสามารถ ประสบการณ์ หรือวิชาเอกตรงตามความจำเป็นไปดำรงตำแหน่งในสถานศึกษาใหม่ได้ โดยเสนอคณะกรรมการกลั่นกรองการย้ายก่อนเสนอ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาให้ความเห็นชอบ
3.3 การย้ายเพื่อเกลี่ยอัตรากำลังของสถานศึกษา กรณีสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาหรือส่วนราชการ เห็นว่าสถานศึกษาใดมีอัตรากำลังเกินกรอบอัตรากำลังที่ ก.ค.ศ. กำหนด และเป็นตำแหน่งที่มีคนครองให้เสนอคณะกรรมการกลั่นกรอง และ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาพิจารณา โดยตัดโอนตำแหน่งและอัตราเงินเดือน
3.4 การย้ายเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ ให้พิจารณาจากคำร้องขอย้าย หรือหากมีกรณีที่ไม่จำเป็นต้องมีคำร้องขอย้าย ให้อยู่ในดุลยพินิจของคณะกรรมการกลั่นกรองการย้าย
- คุณสมบัติผู้ขอย้ายกรณีปกติ ได้ปฏิบัติงานในตำแหน่งครูในสถานศึกษาปัจจุบันติดต่อกันมาแล้วไม่น้อยกว่า 24 เดือน นับถึงวันที่ยื่นคำขอ (ครูผู้ช่วย 2 ปี + ครู 2 ปี = 4 ปี) และไม่อยู่ระหว่างลาศึกษาต่อเต็มเวลา ส่วนการย้ายสับเปลี่ยนกับตำแหน่งที่มีคนครอง ในวันที่ยื่นคำร้องขอย้ายต้องมีอายุราชการเหลือไม่น้อยกว่า 2 เดือน นับถึงวันที่ 30 กันยายนของปีที่ครบเกษียณอายุราชการ
- การพิจารณาคำร้องขอย้าย
1) การย้ายกรณีปกติ ให้ใช้พิจารณาย้ายปีละ 2 ครั้ง ครั้งที่ 1 ในเดือนเมษายน ครั้งที่ 2 ในเดือนกันยายน เว้นแต่มีเหตุผลความจำเป็นเป็นพิเศษ อาจพิจารณาการย้ายมากกว่า 1 ครั้งก็ได้ และใช้พิจารณาย้ายได้ถึงวันที่ 31 ธันวาคม ของปีเดียวกัน
2) การย้ายกรณีพิเศษ ให้ใช้พิจารณาได้ตลอดปี
3) การย้ายกรณีเพื่อความเหมาะสมและประโยชน์ของทางราชการ ให้ใช้พิจารณาได้ตลอดปี
- องค์ประกอบการพิจารณาย้าย ให้ยึดหลักธรรมาภิบาล หลักการบริหารกิจการบ้านเมืองที่ดี และคำนึงถึงประโยชน์ที่ทางราชการจะได้รับเป็นสำคัญ โดยพิจารณาจาก
1) ความรู้ ความสามารถ ประสบการณ์ หรือวิชาเอก ตามความจำเป็นของสถานศึกษา
2) ลำดับสถานศึกษาที่ผู้ขอย้ายมีความประสงค์จะย้ายไปปฏิบัติงาน
3) ระยะเวลาที่ดำรงตำแหน่งหรือปฏิบัติหน้าที่ในสถานศึกษาปัจจุบัน
4) สภาพความยากลำบากในการปฏิบัติงานในสถานศึกษาปัจจุบัน
5) เหตุผลการขอย้าย
6) ความอาวุโสตามหลักราชการ
7) ความเห็นของคณะกรรมการสถานศึกษา
l เห็นชอบหลักเกณฑ์ฯ สอบบรรจุเป็นข้าราชการครู ตำแหน่งครูผู้ช่วย สพฐ.
เนื่องจากขณะนี้ สพฐ.ขาดอัตรากว่า 8,000 อัตรา จึงมีความจำเป็นเร่งด่วนที่จะต้องสอบแข่งขันเพื่อบรรจุฯ ตำแหน่งครูผู้ช่วย ที่ประชุมจึงได้เห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการสอบแข่งขันเพื่อบรรจุและแต่งตั้งบุคคลเข้ารับราชการเป็นข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สรุปสาระสำคัญที่เปลี่ยนแปลงจากหลักเกณฑ์ปัจจุบัน ดังนี้
- ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาเป็นผู้ดำเนินการสอบแข่งขันโดยให้รวมกลุ่มกันในพื้นที่เขตตรวจราชการ เพื่อให้สถาบันอุดมศึกษาที่เห็นสมควร เป็นผู้ดำเนินการออกข้อสอบตามหลักสูตรที่กำหนด
- ต้องสอบทุกภาคในคราวเดียวกัน
- ให้ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เป็นผู้กำหนดองค์ประกอบ และคะแนนการประเมินความเหมาะสมกับตำแหน่ง และวิชาชีพ
- ให้ยื่นใบสมัครทางอิเล็กทรอนิกส์ หรือสมัครด้วยตนเอง ตามความพร้อมของสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา โดยให้สมัครได้เพียงเขตพื้นที่การศึกษาเดียว
- หลักสูตร
ภาค ก ทดสอบความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม และอุดมการณ์ของความเป็นครู มาตรฐานวิชาชีพทางการศึกษา และมาตรฐานการศึกษาขั้นพื้นฐาน แทนความรู้ความเข้าใจเกี่ยวกับความประพฤติ และการปฏิบัติของวิชาชีพครู
ภาค ข เพิ่มลักษณะงานที่ปฏิบัติตามมาตรฐานตำแหน่ง
ภาค ค ความเหมาะสมกับตำแหน่ง และวิชาชีพ โดยประเมิน 1) บุคลิกลักษณะ ท่วงทีวาจา แทน บุคลิกภาพ ท่วงทีวาจา 2) วุฒิภาวะทางอารมณ์ และความคิดริเริ่มสร้างสรรค์ แทน การประกอบคุณความดี เจตคติ และอุดมการณ์
l เห็นชอบหลักเกณฑ์ฯ การนำรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีหนึ่งไปขึ้นบัญชีเป็นผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีอื่น ตำแหน่งครูผู้ช่วย สพฐ.
ที่ประชุมเห็นชอบหลักเกณฑ์และวิธีการนำรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีหนึ่งไปขึ้นบัญชี
เป็นผู้สอบแข่งขันได้ในบัญชีอื่น ตำแหน่งครูผู้ช่วย สังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน โดยมีหลักการสำคัญ ดังนี้
- ให้ดำเนินการได้ เฉพาะสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่เปิดสอบแข่งขันแล้วไม่มีผู้สมัครสอบแข่งขันไม่มีผู้สอบแข่งขันได้ หรือมีผู้สอบแข่งขันไม่เพียงพอกับตำแหน่งว่าง ทั้งนี้ สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใดไม่ได้เปิดรับสมัครสอบแข่งขัน ไม่สามารถขอรายชื่อผู้สอบแข่งขันของเขตอื่น
- ต้องได้รับความเห็นชอบ จากสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน และได้รับการ
ยินยอมจาก อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาเจ้าของบัญชี และ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา ที่ขอรายชื่อผู้สอบแข่งขันได้
- ให้ดำเนินการตามลำดับและขั้นตอน ดังนี้
1) ให้ขอจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาใกล้เคียงในจังหวัดเดียวกันก่อน ถ้าไม่มี
2) ให้ขอจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในจังหวัดใกล้เคียง ถ้าไม่มี
3) ให้ขอจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาที่อยู่ในภูมิภาคเดียวกัน ถ้าไม่มี
4) ให้ขอจากสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาในภูมิภาคอื่น
l ตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาฯ
ที่ประชุมอนุมัติตั้งอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา แทนตำแหน่งที่ว่างจำนวน 4 เขต และใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา แทนตำแหน่งที่ครบวาระ จำนวน 1 เขต ดังนี้
- นายอภินันท์ นาเลาห์ เป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงินการคลัง ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาขอนแก่น เขต 1
- นายฉลอง สุภา เป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการบริหารงานบุคคล ใน อ.ก.ค.ศ.
เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาลำปาง เขต 2
- นายธวัช จิตรชอบค้า เป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านกฎหมาย ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาอุทัยธานี เขต 2
- นายพัลลภ ปู่วัง เป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการศึกษา ใน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาหนองคาย เขต 2
- นายชำนาญ โพธิคลัง เป็นอนุกรรมการผู้ทรงคุณวุฒิ ด้านการเงินการคลัง ใน อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา เขต 27
l รับทราบกำหนดการจัดประชุมสัมมนา อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา และ อ.ก.ค.ศ.ที่ ก.ค.ศ. ตั้งในส่วนราชการ 4 ภูมิภาค
โดยพลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะประธาน ก.ค.ศ. จะเป็นประธานการประชุม พร้อมทั้งมอบนโยบายที่เกี่ยวข้อง ดังนี้
- ครั้งที่ 1 ภาคกลาง ระหว่างวันที่ 10 - 12 สิงหาคม 2558 ณ โรงแรมแอมบาสเดอร์ จอมเทียน พัทยา จังหวัดชลบุรี จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม 660 คน (62 เขต และ 3 ส่วนราชการ)
- ครั้งที่ 2 ภาคเหนือ ระหว่างวันที่ 26 - 28 สิงหาคม 2558 ณ โรงแรมคุ้มภูคำ จังหวัดเชียงใหม่ จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม 510 คน (51 เขต)
- ครั้งที่ 3 ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ ระหว่างวันที่ 2 - 4 กันยายน 2558 ณ โรงแรมพูลแมน จังหวัดขอนแก่น จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม 760 คน (76 เขต)
- ครั้งที่ 4 ภาคใต้ วันที่ 9 - 11 กันยายน 2558 ณ โรงแรมเดอะรีเจนซี่ หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา จำนวนผู้เข้าร่วมประชุม 360 คน (36 เขต)
ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ
Advertisement
เปิดอ่าน 2,133 ครั้ง เปิดอ่าน 7,732 ครั้ง เปิดอ่าน 2,953 ครั้ง เปิดอ่าน 5,782 ครั้ง เปิดอ่าน 16,395 ครั้ง เปิดอ่าน 4,507 ครั้ง เปิดอ่าน 14,073 ครั้ง เปิดอ่าน 21,076 ครั้ง เปิดอ่าน 5,246 ครั้ง เปิดอ่าน 5,850 ครั้ง เปิดอ่าน 5,674 ครั้ง เปิดอ่าน 15,880 ครั้ง เปิดอ่าน 11,790 ครั้ง เปิดอ่าน 2,526 ครั้ง เปิดอ่าน 3,723 ครั้ง เปิดอ่าน 6,612 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 11,166 ☕ 17 มี.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 1,007 ☕ 28 มี.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 5,782 ☕ 28 มี.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 1,900 ☕ 27 มี.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 594 ☕ 27 มี.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 4,142 ☕ 26 มี.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 6,612 ☕ 26 มี.ค. 2567 |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 9,791 ครั้ง |
เปิดอ่าน 34,856 ครั้ง |
เปิดอ่าน 45,872 ครั้ง |
เปิดอ่าน 33,167 ครั้ง |
เปิดอ่าน 83,839 ครั้ง |
|
|