เคล็ดลับเรียนแล้วรวย
โดย เสรี พงศ์พิศ
www.phongphit.com
ระยะนี้มีข่าว 2 ข่าวเล็กๆ ที่คล้ายกันอย่างน่าสนใจ ข่าวแรกเป็นเรื่องของวอร์เรน บัฟเฟต มหาเศรษฐีอันดับหนึ่งของโลก ผู้มีเงินล้านล้านจากการลงทุนในตลาดหุ้น ใครๆ ก็อยากรู้เคล็ดลับความสำเร็จของเขา
เขาบอกระหว่างเข้าร่วมงานเสวนาด้านการศึกษาที่จัดขึ้นโดยมหาวิทยาลัยเนบราสกาว่า การลงทุนที่ดีที่สุด คุ้มค่าที่สุด และได้ผลกำไรมากที่สุด คือ การลงทุนในตัวของคุณเอง เขาหมายความว่า
"การลงทุนเพื่อเปิดโลกทัศน์และแสวงหาความรู้ใหม่ๆ ให้กับตัวเองอยู่เสมอ ทั้งในและนอกห้องเรียน ถือเป็นการลงทุนที่ดีที่สุดและให้ผลตอบแทนคุ้มค่ามากที่สุด ผมขอยืนยันว่าไม่มีหุ้นตัวไหนที่น่าช้อนซื้อเก็บเอาไว้ มากไปกว่าหุ้นที่มีชื่อว่า การศึกษาอีกแล้ว และหุ้นตัวที่ชื่อว่าการศึกษานี้ถือเป็นหุ้นแบบปลอดภาษีเพียงตัวเดียวในโลก เพราะเป็นหุ้นที่คุณถือครองตลอดชีพได้โดยไม่ต้องถูกหักภาษี แม้แต่บุคคลที่มีอำนาจมากล้นอย่างประธานาธิบดีสหรัฐฯ ก็ยังสั่งรีดภาษีหุ้นตัวนี้ไปจากคุณไม่ได้"
ชายผู้มีเงินหลายล้านล้านผู้นี้บอกว่าเคล็ดลับการสร้างความสุขในชีวิตของเขา คือ การใช้ชีวิตอยู่บนพื้นฐานของความพอดี และต้องตัดทิ้งความรู้สึกที่ว่า "อยากรวยมากยิ่งขึ้น" ให้หมดสิ้น เขาบอกว่า
"ในความเป็นจริงแล้ว ผมเชื่อว่ามนุษย์เราต้องการเพียงแค่การมีบ้านที่ดีสักหลังหนึ่ง มีสุขภาพที่ดี มีอาหารที่ดี รวมถึงการมียานพาหนะที่ดีสักคันหนึ่งก็เพียงพอแล้ว อย่างในกรณีของผม ผมก็ต้องการเพียงเท่านี้เช่นกัน ผมขอยืนยันว่าตัวเองไม่เคยมีความคิดที่จะมีบ้านหลังใหญ่สัก 6 หรือ 8 หลัง เพราะมันจะทำให้ชีวิตผมมีความสุขน้อยลงอย่างมาก เมื่อเทียบกับการที่ผมมีบ้านที่ดีเพียงแค่หลังเดียว" เขาบอกด้วยว่า การมีทรัพย์สินเงินทองมากมาย มิได้หมายความว่าบุคคลนั้นจะต้องใช้จ่ายให้มาก เพื่อให้สมกับฐานะทางเศรษฐกิจของตน พร้อมยืนยัน "เงินไม่สามารถซื้อทุกอย่างได้" แล้วเขาก็ทำตามปรัชญาชีวิตของเขาโดยมอบเงินเกือบทั้งหมด ทั้งหลายล้านล้านเพื่อการกุศล
ข่าวที่ 2 เป็นเรื่องการจัดสัมมนาหรือฝึกอบรมระยะสั้นๆ ที่ฮิตกันมาก จัดกันประมาณ 2 วัน ประเภท "เรียนแล้วรวย" ส่วนใหญ่จัดกันในประเทศเพื่อนบ้าน สนนราคาก็ครึ่งแสนถึงแสน อ้างว่าเป็นกูรูด้านโน้นด้านนี้ที่สามารถเสกให้คุณรู้เคล็ดลับการทำงานแล้วรวยเร็วได้
ในยุคเศรษฐกิจฝืดเคือง การแข่งขันกันสูง ใครๆ ก็อยากรู้เคล็ดลับกันทั้งนั้น ถ้าลงทุนแสนเดียวแล้วทำงานได้หลายแสนหลายล้านก็น่าจะคุ้ม เพราะนายบัฟเฟตก็ยืนยันแล้วว่า คุณต้องลงทุนการเรียนรู้ ซึ่งเป็นการลงทุนที่คุ้มค่าที่สุด
แต่อ้างคุณบัฟเฟตอาจไม่ถูกที่ถูกทางแบบเข้าข้างตัวเอง เพราะเขาไม่เคยพูดเรื่องการลงทุนแบบรวยเร็วรวยลัดอะไรเลย แม้แต่การลงทุนในตลาดหุ้นคุณบัฟเฟตก็ลงทุนระยะกลางระยะยาวทั้งนั้น ไม่ใช่เล่นกันระยะสั้นแบบแทงหวยรวยเช้าบ่ายอย่างหลายคนในบ้านเรา
ที่สำคัญ วันนี้มีคนที่อ้างตนเป็นกูรูกันมากมาย อ้างผลงานหนังสือที่อาจเขียนแบบสั่งพิมพ์ได้เองตามจำนวนที่ต้องการเป็นครั้งๆ ที่อาจไปลอกใครเขามา ตัดแปะอย่างแนบเนียน หลอกคนที่ไม่ค่อยค้นคว้าหาความรู้ด้วยตนเอง เช่นเดียวกับการจัดอบรมสัมมนาที่อาจดูดีมีหลักการ แต่ที่จริงคนที่เป็นวิทยากรก็ไปรับการอบรมจากกูรูตัวจริงมาก่อน นำรูปแบบวิธีการมาลอกเลียนทำซ้ำ ซึ่งทำอย่างไรคนที่ไปก็อปปี้เขามาก็ไม่ลึกซึ้งเหมือนกับผู้รู้กูรูตัวจริงที่ผ่านประสบการณ์มายาวนานและตกผลึกมาแล้ว
คนรุ่นใหม่ฝันอยากรวยเร็วรวยลัด ไม่อยากให้ผ่านวัย 30 หรือ 40 ไปโดยยังไม่เป็นเศรษฐี ฝันอยากเป็นหนึ่งในบรรดามหาเศรษฐีที่อายุยังไม่ถึง 40 ในบัญชีของฟอร์บส์ หนังสือฮาวทูมีเท่าไรซื้อมาอ่าน การอบรมสัมมนาแบบเรียนแล้วรวยก็ไม่อยากพลาด เป็นความทุกข์ของความไม่ลงตัว ไม่รู้จักพอ
ความจริง คนเราควรต้องเรียนรู้ตลอดชีวิต เพราะการเรียนรู้เป็นการค้นหาพลังอย่างใหม่มาขับเคลื่อนชีวิต ของเก่าๆ อันเดิมๆ ไม่สามารถทำให้เราปรับตัวเข้ากับสถานการณ์โลกที่เปลี่ยนไปอย่างรวดเร็วนี้ได้ ถ้าไม่หมั่นแสวงหาความรู้ก็จะตกยุคตกสมัย ไม่ทันกิน ไม่ทันโลก
นักศึกษาใน "มหาวิทยาลัยชีวิต" อายุเฉลี่ย 41 ปี มีตั้งแต่ 20 เศษไปจนถึง 85 ปี พวกเขาเรียนรู้โดยเอาชีวิตของตนเองมาเรียน เอาเรื่องของชุมชนมาเรียน เพื่อช่วยกันแก้ปัญหาและพัฒนาตนเอง
ไปกาฬสินธุ์วันก่อน ไปร่วมเสวนาเรื่องการปฏิรูปการศึกษาในเวทีประชาสังคม เครือข่ายพลเมืองที่เข้มแข็งของจังหวัดแห่งนี้ ได้พบศิษย์เก่ามหาวิทยาลัยชีวิตสิบกว่าคนที่เป็นผู้นำชุมชนในตำแหน่งหน้าที่ต่างๆ ที่พวกเขาได้รับหลังจากเรียนจบปริญญาตรี ทั้งหญิงทั้งชายในวัยกลางคน
ศิษย์เก่าสาวใหญ่วัยห้าสิบคนหนึ่งบอกพร้อมน้ำตาว่า เธอไม่คิดว่าจะมีวันนี้ที่เรียนจบปริญญาตรี เพราะก่อนนี้เป็นแม่บ้าน ชาวนา วันนี้เธอเป็นสมาชิกสภาเทศบาล เป็นประธานกลุ่มสตรีที่อำเภอเขาวง มีรีสอร์ทของตนเอง สาวผู้ไทวัยกลางคนอีกคนหนึ่งบอกว่าเธอเคยทำงานสาธารณสุข แต่เรียนแล้วก็กลับไปทำนาเพื่อพิสูจน์ว่า เรียนแล้วอยู่อย่างมีศักดิ์ศรีและมีกินในท้องถิ่นตนได้อย่างที่ มหาวิทยาลัยชีวิตสอน
ส่วนคุณอุทัย แก้วกล้า ประธานสภาอบจ.กาฬสินธุ์ก็เป็นศิษย์เก่าที่เรียนแล้วได้กลายเป็นผู้นำในระดับจังหวัด เช่นเดียวกับนายกอบต. นายกเทศมนตรี และผู้นำท้องถิ่นอีกหลายคน
ผมได้สรุปในที่ประชุมว่า บุคคลเหล่านี้ได้สิ่งที่สำคัญที่สุดจากการเรียนในโครงการมหาวิทยาลัยชีวิต คือ วิธีการเรียนรู้ที่ถูกต้อง และได้ความเชื่อมั่นที่หายไปกลับคืนมา เรียนแล้วพวกเขาเป็นตัวของตัวเอง คิดได้เอง ตัดสินใจได้เอง เลือกได้เอง พึ่งตนเองได้และมีความสุข นี่กระมังที่คุณบัฟเฟตบอกว่า เป็นอะไรที่เงินซื้อไม่ได้ แต่ถ้าคุณลงทุนเป็น คุณก็จะได้อย่างคุ้มค่า
ที่มา สยามรัฐ วันที่ 21 ก.ค.2558