ชงคืนเงินประกันความเสี่ยงครูกู้เงินช.พ.ค.
ครูทวงสิทธิขอบริหารกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษ ช.พ.ค.เอง อ้างเป็นเงินของครูที่กู้ออมสินไม่ใช่เงินงบประมาณ ด้าน ”พินิจศักดิ์”แจงความคืบหน้าคืนเงินประกันความเสี่ยงครูที่กู้เงิน พร้อมเสนอบอร์ด สกสค.ลดการหักเงินค่าใช้จ่ายหลังสมาชิกเสียชีวิตจาก 4% เป็น 3%
วันนี้(20ก.ค.) เครือข่ายพิทักษ์เงินกองทุน ช.พ.ค.แห่งประเทศไทย ได้ยื่นหนังสือต่อ นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ(ศธ.) ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา(สกสค.) เพื่อเรียกร้องขอคืนการบริหารจัดการกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคง ตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) โดยนายคำสุข สาอ้าย ประธานเครือข่ายฯ กล่าวว่า เนื่องจากเงินกองทุนดังกล่าวเกิดจากการวางเงินประกันความเสี่ยงของผู้กู้ ซึ่งผู้กู้จะได้คืนเมื่อชำระหนี้เสร็จสิ้น และส่วนหนึ่งเป็นค่าตอบแทนที่ได้รับจากโครงการเงินกู้ของธนาคารออมสิน ซึ่งถือว่าเป็นเงินของสมาชิกที่กู้เงินไม่ใช่เงินงบประมาณของ สกสค. แต่เนื่องจากขณะนี้มีปัญหาเรื่องการบริหารจัดการและอยู่ระหว่างการตรวจสอบการทุจริต ทางเครือข่ายฯจึงขอเรียกร้องให้หยุดการทำธุรกรรมทางการเงินของกองทุนดังกล่าวทุกกรณี พร้อมคืนการบริหารกองทุนให้สมาชิกได้มีส่วนในการบริหาร รวมถึงขอให้ ศธ.เร่งตรวจสอบและเอาตัวผู้กระทำผิดมาลงโทษโดยเร็ว
ด้านนายพินิจศักดิ์ กล่าวว่า กรณีเงินประกันความเสี่ยงที่ผู้กู้วางไว้ ซึ่งมีตั้งแต่ 2,000-6,000 บาทตามวงเงินกู้นั้น บอร์ด ช.พ.ค.มีมติให้คืนเงินดังกล่าวให้ครูแล้ว แต่เรื่องนี้ต้องนำเรื่องเข้าพิจารณาในบอร์ด สกสค.อีกครั้ง นอกจากนี้สำนักงาน สกสค.จะเสนอต่อ บอร์ด สกสค.ให้ปรับลดการหักเงินค่าใช้จ่ายในกิจการตามระเบียบการฌาปนกิจสงเคราะห์เมื่อสมาชิกเสียชีวิตจากเดิมร้อยละ4 เหลือร้อยละ 3 ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการพิจารณาของบอร์ด สกสค.ว่าจะปรับลดเท่าใด
“ส่วนความคืบหน้าการดำเนินคดีทั้งทางอาญา และทางแพ่งกับบริษัทบิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัดนั้น เจ้าหน้าที่ตำรวจกำลังรวบรวมเอกสารเพื่อดำเนินคดีอาญา โดยได้ประสานมายัง สกสค.ขอดราฟท์ฉบับจริง เพื่อใช้เป็นหลักฐานในการขออนุมัติหมายจับผู้บริหารและกรรมการบริษัท ซึ่งล่าสุด สกสค.ได้จัดส่งดราฟท์ดังกล่าวให้แล้ว ส่วนคดีทางแพ่งนั้นอยู่ระหว่างการจัดทำเอกสารรายละเอียดเสนอต่อสำนักงานอัยการสูงสุด ว่ามีความเสียหายอย่างไรและเท่าไหร่ ซึ่งจะเร่งดำเนินการให้เสร็จสิ้นภายในสัปดาห์หน้า ขณะที่การนำเงินไปซื้อหุ้นบริษัทหนองคายน่าอยู่ จำกัด เท่าที่ดูกระบวนการดำเนินการอย่างถูกต้อง จะมีเพียงประเด็นเดียวคือมูลค่าหุ้นที่จ่ายมีความเหมาะสมหรือไม่ ซึ่งจะมีการหารือนอกรอบกับกรรมการบริหารกองทุนฯต่อไป”นายพินิจศักดิ์ กล่าว
อ่านต่อที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 20 กรกฎาคม 2558