นายชาติชาย พยุหนาวีชัย ผู้อำนวยการธนาคารออมสิน เปิดเผยว่า ธนาคารออมสินและกระทรวงศึกษาธิการร่วมกันออกมาตรการช่วยเหลือข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่เป็นลูกค้าของธนาคารออมสินที่ประสบปัญหาต่างๆ จนมีผลต่อการดำรงชีวิตและกระทบต่อการชำระเงินกู้ให้ธนาคารสามารถเข้าร่วมมาตรการได้ตั้งแต่ลดภาระการชำระหนี้ มีหนี้ค้างชำระ จนถึงขั้นถูกฟ้องร้องดำเนินคดี โดยจะต้องลงทะเบียนเข้าร่วมโครงการผ่านต้นสังกัดเพื่อรับรองตั้งแต่บัดนี้จนถึงวันที่ 31 กรกฎาคม 2558 เท่านั้น ถือเป็นการบรรเทาความเดือดร้อนให้กับกลุ่มข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาเป็นระยะเวลา 2-3 ปี
ทั้งนี้ ปัจจุบันข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษามีภาระหนี้สินกับธนาคารออมสินประมาณ 500,000 ราย คิดเป็นมูลค่าประมาณ 500,000 ล้านบาท เป็นผู้ที่ประสบปัญหาขั้นวิกฤติอยู่ระหว่างถูกฟ้องร้องและดำเนินคดีกว่า 1,000 ราย คิดเป็นเงินประมาณ 1,000 ล้านบาท และอยู่ในกลุ่มใกล้วิกฤติ คือมีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 12 งวดติดต่อกันประมาณ 30,000-40,000 ราย เชื่อว่าผู้ที่ได้รับผลกระทบจริงๆ ถึงจะเข้าร่วมโครงการดังกล่าว
สำหรับมาตรการช่วยเหลือที่ออกมานี้ ธนาคารออมสินได้แบ่งเป็น 4 กลุ่ม คือ
1.กลุ่มที่อยู่ในขั้นวิกฤติ ได้แก่ ลูกหนี้ที่อยู่ระหว่างการถูกฟ้อง ถูกดำเนินคดี หรือถูกบังคับคดี ขาดความสามารถในการชำระหนี้จากสาเหตุที่จำเป็น หรือเป็นลูกหนี้ที่มีทรัพย์สินน้อยกว่าหนี้สิน โดยธนาคารฯ จะชะลอการฟ้องร้องดำเนินคดีหรือบังคับคดีไม่เกิน 3 ปี (มีระยะเวลาฟ้องคดีเหลือไม่น้อยน้อยกว่า 2 ปี) พักชำระดอกเบี้ยไม่เกิน 3 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้น เมื่อครบ 3 ปีให้นำดอกเบี้ยที่พักไว้เฉลี่ยจ่ายคืนรวมกับเงินงวดต่อไป
ขณะที่กลุ่มที่ 2.กลุ่มลูกหนี้ใกล้วิกฤต ได้แก่ ลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 12 งวดติดต่อกัน (ก่อนวันที่ 1 มิถุนายน 2558) ซึ่งธนาคารฯ จะให้พักชำระดอกเบี้ยไม่เกินครึ่งหนึ่ง เป็นเวลาไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระหนี้เงินต้นและดอกเบี้ยส่วนที่เหลือ หลังจากนั้นเมื่อครบ 2 ปี ให้นำดอกเบี้ยที่พักไว้เฉลี่ยจ่ายคืนรวมกับเงินงวดต่อไป
กลุ่มที่ 3 เป็นกลุ่มลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระไม่เกิน 12 งวดติดต่อกัน สามารถปรับปรุงโครงสร้างหนี้ตามมาตรการของธนาคารออมสิน
กลุ่มที่ 4 ลูกหนี้ปกติ คือลูกหนี้ที่ยังไม่ได้ผิดนัดชำระ และสามารถบริหารจัดการหนี้ได้ ธนาคารฯ ให้พักชำระเงินต้นไม่เกิน 2 ปี แต่ให้ชำระดอกเบี้ย
ที่มา: หนังสือพิมพ์บ้านเมือง