รมว.ศธ.ย้ำปรับหลักสูตรต้องใช้เวลาไม่ต่ำกว่า 2 ปี ชี้อีก 3 กลุ่มสาระวิชาที่ไม่ได้ใช้สอบโอเน็ตก็มีความสำคัญ ไม่สามารถตัดทิ้งได้
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่นายกรัฐมนตรีกล่าวในรายการคืนความสุขให้คนในชาติ ขอให้ ศธ.พิจารณาปรับหลักสูตรการเรียนการสอนโดยลดจำนวนกลุ่มสาระการเรียนรู้จาก 8 กลุ่มสาระฯ เหลือ 5 กลุ่มสาระฯ เพื่อให้เด็กได้เรียนน้อยลง และขอให้ดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2558 ว่า ต้องหารือกับผู้เกี่ยวข้องทั้งผู้บริหารองค์กรหลัก ศธ. โดยเฉพาะหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยตรงอย่าง สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) การประชุมผู้บริหารองค์กรหลักครั้งต่อไปคงต้องมีการหารือเรื่องดังกล่าว และที่ผ่านมา ศธ.มีคณะกรรมการหลักสูตรซึ่งมี พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รัฐมนตรีช่วยว่าการ ศธ. เป็นผู้ดูแล และมีการพิจารณาปรับปรุงหลักสูตรมาโดยตลอด แต่ไม่ใช่การปรับทุกวิชา ทุกกลุ่มสาระฯ ในเวลาเดียวกัน เป็นการปรับแบบค่อยเป็นค่อยไป ต้องใช้เวลาถึงจะเห็นผล และที่สำคัญ การปรับหลักสูตรแต่ละครั้ง สิ่งที่ต้องปรับตามไปด้วยคือคุณภาพครู ให้สามารถจัดการเรียนการสอนได้อย่างมีประสิทธิภาพ และเท่าที่ดูหลักสูตรที่เรียนในปัจจุบันไม่ได้มากหรือยัดเยียดให้เด็กเรียนจนเกินไป เพราะ ศธ.เองพยายามจะลดอยู่แล้ว
"โดยผมได้ให้นโยบายไปแล้วว่าการเรียนการสอนต้องสอดคล้องกับการเรียนรู้ในแต่ละชั้นปีด้วย ไม่ใช่นำความรู้ไปยัดเยียดให้เด็กมากเกินไป ซึ่งเรื่องนี้ทาง สพฐ.ทราบดี ซึ่งขณะนี้เรามี 8 กลุ่มสาระฯ 5 กลุ่มสาระฯ ที่สำคัญ เพราะใช้ในการทดสอบทางการศึกษาระดับชาติขั้นพื้นฐาน หรือโอเน็ต คือ วิทยาศาสตร์ คณิตศาสตร์ ภาษาอังกฤษ ภาษาไทย และสังคมศึกษา ส่วน 3 กลุ่มสาระฯ ที่เหลือ คือ ศิลปะ การงานอาชีพและเทคโนโลยี และสุขศึกษาและพลศึกษา ก็มีความสำคัญเช่นเดียวกัน ดังนั้นแนวทางของเราคงไม่ใช่การปรับลดกลุ่มสาระการเรียนรู้ลง แต่กระบวนการปรับปรุงต่างๆ ต้องค่อยเป็นค่อยไป และจะต้องมีการทดลองนำร่องเพื่อดูผล ว่าส่งผลต่อการเรียนรู้ของเด็กมากน้อยแค่ไหน โดย สพฐ.ยืนยันว่ากระบวนการดังกล่าวจะใช้เวลาประมาณ 2 ปีจึงจะเห็นผล" รมว.ศธ.กล่าว.
ที่มา: www.thaipost.net