เมื่อวันที่ 12 กรกฎาคม นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยความคืบหน้ากรณีธนาคารออมสินออกมาตรการแก้ไขปัญหาหนี้ครูและบุคลากรทางการศึกษา โดยต้องแบ่งลูกหนี้ออกเป็น 4 กลุ่ม คือ กลุ่มลูกหนี้วิกฤตรุนแรง, กลุ่มลูกหนี้ใกล้วิกฤต คือลูกหนี้ที่มีหนี้ค้างชำระเกินกว่า 12 งวดติดต่อกัน นับถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2558, กลุ่มลูกหนี้ที่ค้างชำระไม่เกิน 12 งวดติดต่อกันนับถึงวันที่ 1 มิถุนายน 2558 และกลุ่มลูกหนี้ปกติ โดยเปิดให้ลงทะเบียนที่ธนาคารออมสิน และแจ้งหน่วยงานต้นสังกัดรับรองภายในวันที่ 31 กรกฎาคม ว่า สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) ทำหนังสือแจ้ง เขตพื้นที่การศึกษาทั่วประเทศให้รับทราบ มาตรการดังกล่าว หากอยากเข้าร่วมโครงการ ขอให้ติดต่อธนาคารออมสิน เมื่อเรียบร้อยแล้วธนาคารออมสินจะส่งรายชื่อกลับมายัง ก.ค.ศ. เพื่อรวบรวมไว้ ถือเป็นมาตรการเบื้องต้นเพื่อช่วยเหลือครูที่เดือดร้อน แม้จะช่วยไม่ได้มาก แต่ถือว่าลดรายจ่ายแต่ละเดือนลง
"สำหรับครูที่เป็นหนี้นอกระบบ หากถูก ข่มขู่คุกคามจากการติดตามทวงหนี้โดยมิชอบ ร้องทุกข์ได้ที่ศูนย์ดำรงธรรมทั่วประเทศ เพื่อ หามาตรการช่วยเหลือ หากมีข้อมูลและจำนวน ผู้ได้รับความเดือดร้อนทั้งหมด ต่อไปจะมี มาตรการอื่นๆ เพิ่มเติมอีก อาทิ มาตรการรวมหนี้ หรือรีไฟแนนซ์หนี้ให้มาอยู่ในก้อนเดียวกัน แต่ครูยังต้องใช้หนี้ตามปกติ หรือมาตรการช่วยครูหารายได้เพิ่มเติม ขณะเดียวกันสำนักงาน คณะกรรมการส่งเสริม สวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ต่อไปจะต้อง มีมาตรการดูแลเรื่อง การปล่อยกู้ในโครงการ สวัสดิการต่างๆ ให้
รอบคอบ โดยดูความสามารถในการชำระคืน ต้องมีเงินเหลือพอใช้จ่าย ไม่ใช่ใช้หนี้จนหมด รวมถึงที่ประชุมคณะกรรมการ สกสค.ครั้งหน้า จะพิจารณาโดยอาจยกเลิกการปล่อยกู้ ตามโครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) เพราะปัจจุบันธนาคารต่างๆ แข่งขันปรับลด อัตราดอกเบี้ยปล่อยกู้เป็นปกติอยู่แล้ว โครงการนี้จึงไม่จำเป็นอีกต่อไป" นพ.กำจรกล่าว
ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 14 ก.ค. 2558 (กรอบบ่าย)