ชูโจทย์ปฏิรูปศึกษาเพื่อมีงานทำ ร.ร.พันแห่งพร้อมยกสถานะนิติบุคคล
ดร.อมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้ช่วยเลขานุการ รมว.ศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. เปิดเผยภายหลังการประชุมหารือการปฏิรูปการศึกษาที่ทำเนียบรัฐบาล โดยมี ศ.ดร.ยงยุทธ ยุทธวงศ์ รองนายกรัฐมนตรี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศธ. ดร.กฤษณพงศ์ กีรติกร และ พล.อ.สุรเชษฐ์ ชัยวงศ์ รมช.ศธ. นายตวง อันทะไชย ประธานกรรมาธิการ (กมธ.) การศึกษาและกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) และ ดร.พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา ประธาน กมธ.ปฏิรูปการศึกษาและการพัฒนาทรัพยากรมนุษย์เข้าร่วมว่า ที่ประชุมได้เห็นร่วมกันในการกำหนดแนวทางการปฏิรูปการศึกษาในประเด็นหลัก 4-5 เรื่อง ดังนี้ การเปิดทางให้สถานศึกษามีสถานะเป็นนิติบุคคลอย่างแท้จริง มีอิสระในการบริหารจัดการศึกษาให้แก่เด็กอย่างมีคุณภาพตามหลักธรรมาภิบาลและมีความรับผิดชอบ โดยขณะนี้พบว่ามีสถานศึกษากว่า 1,000 แห่งในทุกประเภทพร้อมยกสถานะเป็นนิติบุคคลเต็มรูปแบบ การจัดสรรงบประมาณอุดหนุนรายหัว ซึ่งต้องมีการศึกษาวิจัยว่าต้นทุนการศึกษาที่รัฐควรจัดสรรให้เด็กแต่ละกลุ่มว่าที่เหมาะสมควรเป็นอัตราเท่าไร อาทิ รายหัวเด็กทั่วไป เด็กในพื้นที่ห่างไกล เด็กยากจน เด็กพิการ การกระจายอำนาจและบทบาทการศึกษาลงไปสู่พื้นที่และดึงภาคเอกชนเข้ามามีส่วนร่วมจัดการศึกษามากขึ้น ภายใต้โจทย์การศึกษาเพื่อการมีงานทำและพร้อมสู่โลกของงาน
ดร.อมรวิชช์กล่าวอีกว่า อีกประเด็นคือ การจัดการเชิงพื้นที่ ซึ่งรองนายกฯ ได้ยกตัวอย่างเชียงใหม่โมเดล ซึ่งได้พบในการร่วมประชุมคณะรัฐมนตรีสัญจร ที่ จ.เชียงใหม่พบว่าเป็นเครือข่ายเชิงพื้นที่ที่เข้มแข็งและจะจัดตั้งสภาการศึกษาจังหวัด โดยกำหนดเป้าหมายการพัฒนาบนพื้นฐานวัฒนธรรมเชียงใหม่แต่เท่าทันการเปลี่ยนแปลง เช่นเดียวกับ รมว.ศึกษาธิการได้ยกตัวชลบุรีโมเดล ที่เป็นการร่วมมือของภาคอุตสาหกรรมกับวิทยาลัยอาชีวศึกษาในพื้นที่พัฒนาเด็ก ซึ่งเป็นต้นแบบที่จะนำไปศึกษาต่อยอดได้ และเรื่องสุดท้ายที่ประชุมเห็นตรงกันว่าต้องมีกลไกระดับชาติคือซุปเปอร์บอร์ดเข้ามากำกับดูแลให้การปฏิรูปการศึกษาในระยะยาวเดินหน้าไปได้อย่างต่อเนื่อง และควรประกอบด้วย 3 ส่วนหลักคือ ระดับบริหารเพื่อผลักดันนโยบายไปสู่การปฏิบัติได้ คือ นายกรัฐมนตรี และ รมว.ศึกษาธิการ ส่วนต่อมาคือหน่วยงานด้านความรู้และเครือข่ายภาคประชาชน ซึ่งจะทำให้การสั่งการใดๆก็ตามอยู่ภายใต้การศึกษาวิจัย ส่วนแผนการดำเนินงานแต่ละเรื่อง ทาง สนช.รับไปจัดทำรายละเอียดและนำเสนอที่ประชุมครั้งต่อไป.
ที่มา ไทยรัฐ วันที่ 9 ก.ค.2558