ขอแนะนำ..ผักชื่อแปลกๆ..ซึ่งไม่น่าเชื่อว่าจะมีให้เราเห็นจริงๆ
.....ว่าด้วยเรื่องของพืชผัก ทั้งชื่อที่ประหลาด รสชาติที่แปลก ถูกรวบรวมไว้ที่อุทยานผักพื้นบ้านเพื่อการยังชีพเฉลิมพระเกียรติบึงฉวาก อ.เดิมบางนางบวช จ.สุพรรณบุรี
"บึงฉวากเฉลิมพระเกียรติ" ถือว่าเป็นแหล่งท่องเที่ยวที่น่าท่องเที่ยวมากที่สุดของจังหวัด เป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงอนุรักษ์ และเป็นแหล่งศึกษาหาความรู้สามารถเดินทางมาพักผ่อนหย่อนใจได้สำหรับทุกเพศทุกวัย
ที่นี่ยังมีพื้นที่หนึ่งที่เรียกว่าอุทยานผักพื้นบ้านเพื่อการยังชีพเฉลิมพระเกียรติบึงฉวาก เป็นสถานที่เป็นที่รวบรวมพืชพันธุ์ผักพื้นบ้านที่เดิมมีอยู่ 500 ชนิด แต่ในปัจจุบันมีถึง 541 ชนิด
โดยมีการแบ่งผักพื้นบ้านเป็น 7 ประเภท คือ ไม้ยืนต้น ไม้พุ่ม ไม้ล้มลุก ไม้น้ำ ไม้ชื้นแฉะ ไม้หัวเหง้า และไม้เถาเลื้อย รวมถึงต้นไม้ประจำจังหวัดต่างๆ เฉพาะที่เป็นผักพื้นบ้าน แห่งเดียวและเป็นแห่งแรกของประเทศไทย จากการดำเนินการภายใต้การนำของนายเชาว์ เสาวลักษณ์ ผอ.ผักพื้นบ้านเพื่อการยังชีพเฉลิมพระเกียรติบึงฉวาก
ผักพื้นบ้านนั้นจะมีประโยชน์ทั้งทางโภชนาการและสรรพคุณทางยาที่ประชาชนทั่วทุกภูมิภาคของประเทศ หลายคนได้พึ่งพิงประโยชน์จากผักพื้นบ้านและพืชแปลกๆ ที่อยู่ตามธรรมชาตินำมาใช้ประโยชน์ ทั้งเป็นอาหารและสมุนไพรรักษาโรค
หลายคนฮือฮา ผักที่มีชื่อแปลกๆ เช่น "ต้นเรียกจิ้งจก" ที่สามารถเรียกจิ้งจกได้เหมือนกับใช้คาถาอาคม "ผักซาดิสต์" ที่ยังคงต้องใช้ความรุนแรงในกระบวนการทำทุกขั้นตอน
นอกจากนี้ยังมี ผักลืมผัว ผักลืมชู้ ผักพ่อค้าตีเมีย มะเขือกินใบ และส้มสันดาน ล้วนน่าศึกษาถึงที่มาเป็นอย่างยิ่ง ลองดูกันเลย
"ต้นเรียกจิ้งจก" ใบจะมีเว้า 2 แฉกและ 3 แฉก ขึ้นอยู่กับการเลี้ยงดูเอาใจใส่ มีดอกเล็กที่มีคุณสมบัติพิเศษใบและลำต้นของต้นจิ้งจก มีฟีร์โมนพิเศษที่สามารถเรียกจิ้งจกมาได้ทั้งเพศผู้และเพศเมีย หากนำใบของต้นจิ้งจกมาขยี้และทาตามฝาบ้าน มุมบ้าน หรือในมุมที่ต้องการเรียก
เมื่อนำใบมาตีๆ ขยี้ตามที่ต้องการทิ้งไว้ ประมาณ 2-5 นาที จิ้งจกที่อยู่ตามซอกตามมุมต่างๆ จะออกมารวมตรงบริเวณที่ทาหรือขยี้ใบต้นจิ้งจก เพราะใบต้นจิ้งจกทำให้ออกมาจำนวนมาก จึงได้ชื่อว่า "ต้นเรียกจิ้งจก"
"พริกขี้หนูหวาน" พริกขี้หนูหวานเหมือนพริกขี้หนูทั่วๆ ไป แต่เมื่อนำมารับประทานจะรู้สึกเฉยๆ และหวานที่ปลายลิ้น สามารถนำมาเป็นน้ำเพื่อสุขภาพโดยการนำมาทำน้ำปั่น และสามารถนำมาให้ผู้สูงอายุที่ชอบกลิ่นเผ็ดแต่ไม่ต้องการรสเผ็ดก็ได้เช่นกัน
"ผักซาดิสต์" มีใบยาวแหลม ส่วนใหญ่ขึ้นอยู่ในภาคใต้ วิธีทำผักชนิดนี้ให้อร่อยต้องใช้มือดึงใบล่างของต้น จากนั้นใช้มือเด็ดเป็นท่อนๆ ขยำขยี้ให้เต็มแรงที่มีให้น้ำจากผักออกมาแล้วใส่ลงไปกระทะที่น้ำมันร้อนๆ ให้เกิดเสียงซ่าๆ เมื่อลงกระทะแล้วใช้โลหะตักใส่จานรับประทาน ผักชนิดนี้ชอบความรุนแรง ทุกกระบวนการต้องทำด้วยมือ เสร็จแล้วจะได้ความกรอบของผัก
"ผักพ่อค้าตีเมีย" เป็นไม้ที่ขึ้นอยู่ในภาคเหนือของประเทศ มีคุณสมบัติพิเศษตรงที่ว่าต้มแกงผัดอย่างไรเมื่อกินเข้าไปจะลักษณะเหมือนไม่สุก แต่มีรสชาติมันจนติดใจเมื่อใครได้ลิ้มลองเคี้ยวเพลิน
ชื่อที่เรียก มีเรื่องเล่าว่า พ่อค้าคนหนึ่งเดินทางกลับจากการค้าขาย รู้สึกเหน็ดเหนื่อยและหิวมากในช่วงใกล้ค่ำ เมียพ่อค้าที่มีหน้าตาสะสวยได้จัดทำผักชนิดนี้ไว้ให้ เมื่อพ่อค้าเดินทางกลับมาถึงบ้านได้ลิ้มลองแกงผักเข้าเต็มที่ เมื่อกินไปก็อารมณ์ไม่ดีเพราะเกิดหึงหวงเมียสาวที่หลายคนมาชอบ บวกกับกัดกินผักที่เหนียวเหมือนไม่สุก จึงใช้ไม้ขัดหม้อตีเมีย จนได้ชื่อว่า "ผักพ่อค้าตีเมีย"
"มะเขือกินใบ" สามารถกินได้ทั้งใบและผล ขึ้นอยู่ในภาคใต้ของประเทศ ไม่มีหนามและขนเหมือนมะเขือทั่วไป สำหรับใบมะเขือจะเด็ดจากใบล่างขึ้นมาด้านบน มะเขือกินใบสามารถนำมากินแทนผักได้แต่ต้องทำให้สุกก่อนเท่านั้น
"มะเขือต้นยักษ์" นิยมปลูกประดับบ้านเรือนเพราะความสวยของดอก ผล และยังมีต้นที่มีความสูงสวยและอายุยืนยาว
"ผักลืมผัว" ไม้ที่มีอายุสั้น พบอยู่ทั่วไปตามท้องนา ลำต้นจะลักษณะเหมือนไม้เลื้อยทอดยอด ใบจะเป็นรูปไข่ ทุกส่วนของลำต้นจะกรอบอวบน้ำ ออกดอกสีม่วง เมื่อแก่จะมีผลเล็กๆ ผักลืมผัวจะชอบอยู่ในน้ำมากกว่าอยู่บนที่แห้ง แต่ต้องเป็นน้ำตื้นๆ เท่านั้น
ส่วนที่มาของชื่อ เกิดขึ้นที่ภาคอีสาน ขณะที่เมียกำลังนั่งกินลาบ ก้อย ปลาร้าและข้าวเหนียว พร้อมผักลืมผัวที่บรรจงเก็บมาจากท้องนาอย่างเอร็ดอร่อย ขณะที่ผัวยังทำงานอยู่กลางนาที่แสงแดดแผดเผา จนกระทั่งหมดลืมเก็บไว้ให้ผัวกิน เมื่อผัวกลับมาไม่เห็นอาหารจึงได้ชื่อว่าผักลืมผัว
"ส้มสันดาน" (ส้มลม)ผักชนิดนี้เป็นไม้เลื้อยขึ้นตามป่า นิยมนำมารับประทานสด ใส่ต้ม-แกง ที่ต้องการให้รสเปรี้ยว เมื่อรับประทานสด ผักชนิดนี้เมื่อเคี้ยวจะกรอบๆ และรสเปรี้ยว เมื่อใส่ต้มหรือแกงที่ต้องการรสเปรี้ยว เมื่อเราใส่ผักชนิดนี้ในปริมาณที่พอดีแล้ว หากเราใส่เพิ่มลงไปอีกความเปรี้ยวจะอยู่เท่าเดิม จึงได้มีคนเรียกว่า ส้มสันดาน (สันดานเปรี้ยว) ชื่อไม่สุภาพเลย..ว่ามั้ย?
"ผักลืมชู้" เป็นไม้พุ่ม สูงประมาณ 5-10 เมตร ใบมีลักษณะมนรีปลายใบแหลมๆ ผักลืมชู้จะออกดอกเกือบตลอดทั้งปีสามารถเพาะเมล็ดได้ในฤดูแล้ง หรือปักชำก็ได้ ผักชนิดนี้สามารถเป็นผักแกล้มกินกับลาบ พล่า ป่น แกงอ่อม แกงส้ม หรือแล้วแต่ใช้ปรุงตามความเหมาะสม
ส่วนเรื่องเล่าเกี่ยวกับผักลืมชู้ เล่ากันต่อๆ มาว่า มีพ่อบ้านท่านหนึ่งได้นัดหญิงสาวที่ไม่ใช่ภรรยาของตัวเองไว้ ก่อนจะถึงเวลานัดเกิดหิวขึ้นมาจึงรับประทานแกงผักนี้เข้าไปเพราะความหิว ด้วยอร่อยด้วยจึงกินมากกินเพลินจนอิ่ม แต่กินเท่าไรก็ยังไม่ถึงเวลานัดเสียทีจนกินไปเรื่อยๆ ก็เลยเวลานัดกับชู้ เพราะความอร่อยของผักลืมชู้ที่เมื่อได้เคี้ยวแล้วจะมีความมัน จึงเป็นที่มาของชื่อ "ผักลืมชู้"
ไปเที่ยวงานนี้รู้ทั้งชื่อและที่มาถือเป็นอาหารตาและอาหารสมองได้อย่างดีเลยทีเดียว!!
ขอบคุณข้อมูลจาก : http://www.aksorn.com/article/article_detail.php?content_id=178
ครูรัชนี..นำมาฝาก..และอยากเชิญชวนทุกท่านไปเที่ยวสุพรรณบุรีด้วยกัน..มีอะไรดีๆเยอะค่ะ