นายอนุสรณ์ ฟูเจริญ รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (กพฐ.) เปิดเผยถึงการประชุมร่วมกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ และ ดร.กมล รอดคล้าย เลขาธิการ กพฐ. เพื่อขอเปลี่ยน แปลงงบประมาณโครงการจัดหาห้องคอม พิวเตอร์ของโรงเรียนสังกัดสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ปีงบประมาณ 2558 วงเงิน 1,200 ล้านบาท ว่า จะมีการดำเนินการใน 2 ส่วน คือ ส่วนแรกเพื่อพัฒนาสื่อการเรียนการสอน และเทคโนโลยีการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียมของโรงเรียนวังไกลกังวล วงเงินประมาณ 700 ล้านบาท ซึ่งจะเอื้อประโยชน์แก่โรงเรียนสังกัด สพฐ. 15,365 โรง ที่รับถ่ายทอดการสอนในโครงการการพัฒนาคุณภาพการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม (DLTV) และส่วนที่สอง จัดสรรงบประมาณให้โรงเรียนปลายทางนำไปบริหารจัดการ อาทิ การกั้นห้องโดยใช้ผนังเบา จัดซื้ออุปกรณ์เพื่อรับสัญญาณ ทรัมฟ์ไดร์ฟจัดเก็บข้อมูล เป็นต้น
"การจัดห้องคอมพิวเตอร์ทำมากว่า 10 ปีแล้วใน 2 หมื่นกว่าโรงเรียน ใช้เงินไปกว่าแสนล้านบาท ซึ่งเมื่อมาพิจารณาดูความคุ้มค่าในเวลานี้ ก็เห็นแล้วว่าไม่คุ้ม เด็กได้ใช้เรียนอย่างน้อยวันละชั่วโมง ขณะที่สื่อเทคโนโลยีก็ไม่รองรับ จึงไม่มีความจำเป็น ประกอบกับเวลานี้ สพฐ.มีการเรียนการสอนผ่านระบบการศึกษาทางไกลผ่านดาวเทียม ซึ่งเรามีคลังสื่อการเรียนรู้ใหม่ ๆ มากมายที่จะรองรับ และในอนาคตเราก็จะอนุญาตให้นักเรียนนำแท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟน เข้ามาใช้ในห้องเรียนได้ ซึ่งเด็กจะสามารถเชื่อมต่อกับระบบที่เตรียมไว้ได้ทันที และครูก็สามารถสั่งการบ้านทางนี้ได้ทันทีเช่นกัน" รองเลขาธิการ กพฐ. กล่าว
นายอนุสรณ์ กล่าวด้วยว่า ขณะนี้ สพฐ.ได้แจ้งให้โรงเรียนเรียกคืนแท็บเล็ต โครงการ 1 คอมพิวเตอร์พกพา (แท็บเล็ต)ต่อ 1 นักเรียนที่แจกให้แก่นักเรียนระดับ ป.1 และ ม.1 ปีการศึกษา 2555 และ 2556 จำนวนกว่า 1 ล้านเครื่องกลับมา เพื่อตรวจสอบสภาพและนำไปไว้ประจำห้องเรียนรองรับเด็กที่ไม่มีแท็บเล็ตหรือสมาร์ทโฟนส่วนตัว อย่างไรก็ตามเนื่องจากงบประมาณจัดซื้อแท็บเล็ตยังเหลืออยู่ประมาณ 5,800 ล้านบาท ซึ่ง สพฐ.จะนำมาจัดสรรให้โรงเรียน เพื่อนำไปจัดหาอุปกรณ์รับสัญญาณประจำห้องเรียนในโรงเรียนที่ยังขาดแคลน ห้อง เรียนละ 48,000 บาท โดยโรงเรียนหนึ่งจะมีกี่ห้องนั้นจะคำนวณจากจำนวนนักเรียนทั้งหมด รมว.ศึกษาธิการ เห็นด้วยกับการขอเปลี่ยนแปลงงบประมาณดังกล่าวแล้ว ซึ่ง สพฐ.จะเร่งจัดทำรายละเอียด เพื่อนำเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) พิจารณาให้ความเห็นชอบต่อไป.
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ เดลินิวส์ ฉบับวันที่ 30 มิ.ย. 2558 (กรอบบ่าย)