เมื่อวันที่ 24 มิถุนายน นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะเลขาธิการคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) เปิดเผยว่า ในการประชุมคณะกรรมการ สกสค.ที่มีพล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เป็นประธาน ตนได้รายงานให้ที่ประชุมทราบถึงการดำเนินงานโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. ซึ่งที่ประชุมได้พิจารณาแล้วให้ความเห็นว่า 1.น่าจะพิจารณาถึงความสามารถของผู้กู้ที่จะส่งเงินกู้ 2.ดูบันทึกความร่วมมือ (MOU) ที่ สกสค.ทำร่วมกับธนาคารออมสิน ดูว่าจะปรับอย่างไรที่จะทำให้ผู้กู้ชำระงวดต่อเนื่อง เพราะข้อตกลงเดิมคือถ้าขาดส่งติดต่อกัน 3 งวด ธนาคารออมสินจะหักเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ การฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) จึงให้ไปดูว่าจะทำอย่างไรให้ผู้กู้จ่ายทุกงวด จะได้ไม่กระทบต่อกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค. ซึ่งตอนนี้กองทุนฯ มีเงินอยู่ประมาณกว่า 7,000 ล้านบาท 3.ดูคุณสมบัติของผู้กู้และเพดานเงินกู้ให้เหมาะสมเพื่อให้ผู้กู้มีกำลังส่งได้ ที่ผ่านมา สกสค.จังหวัดเป็นผู้ให้ความเห็น ส่งมาให้คณะกรรมการ สกสค.พิจารณา สกสค.บางจังหวัดก็เข้มงวด บางจังหวัดก็ปล่อยให้กู้ได้เต็มเพดาน 1.2 ล้านบาททั้งที่เงินเดือนเหลือจ่ายไม่เพียงพอ
"ที่ประชุมไม่ได้ยกเลิกโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. 7 เพียงแต่ให้ชะลอเพื่อปรับแก้ตามแนวทางที่เสนอแนะ" นายพินิจศักดิ์ กล่าว และว่า กรณีที่มีการพักการชำระหนี้แก่ครู 1-2 ปีนั้น ถือเป็นมาตรการที่ดี โดยปัจจุบันมีข้าราชการครูกู้เงินในโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. และโครงการสวัสดิการเงินกู้ฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเหลือเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษาในกรณีคู่สมรสถึงแก่กรรม (ช.พ.ส.) ประมาณกว่า 4 แสนราย หากธนาคารออมสินจะพักชำระหนี้ให้จริง ก็อยากให้ช่วยเหลือทั้งกลุ่มที่ชำระหนี้ปกติ และกลุ่มที่ชำระล่าช้า เพื่อให้เกิดความเป็นธรรมและไม่เป็นการเลือกปฏิบัติ
ที่มา มติชน ฉบับวันที่ 26 มิ.ย. 2558 (กรอบบ่าย)