คนเราต้องใช้เงินทุกวัน แต่เรารับเงินเดือนแค่เดือนละครั้งเท่านั้น แล้วจะทำยังไงให้เงินมีเหลือพอเหลือใช้ได้ทุกๆเดือนจนตลอดชีวิต มนุษย์เงินเดือนก็มีวัฎจักร คงปฏิเสธไม่ได้นะครับว่าเราต้องใช้เงินเดือนในการดำรงชีพ แต่ว่าเรารับเงินเดือนเพียงเดือนละครั้ง แล้วจะทำอย่างไรให้เงินที่เราได้มานี้ใช้พอได้ทั้งเดือน แถมยังมีเหลือออมไปเผื่อบั้นปลายชีวิตเมื่อเราเกษียณอีก? กฎนี้ไม่ได้เป็นหลักตายตัวนะครับ แต่เป็นเพียงการคำนวณตามสิ่งที่ควรจะเป็นครับ สถานการณ์ชีวิตและการทำงานทุกคนแตกต่างกันครับ ยังไงเสียเรามาดูคร่าวๆก่อนดีกว่าว่า ที่เราทำงานมา เราควรมีเงินออมเท่าไหร่กัน
สูตรเงินออม = 2 x (อายุปัจจุบัน - อายุเริ่มงาน) x (เงินเดือนปัจจุบัน + เงินเดือนเริ่มงาน)
ตัวอย่างวิธีคำนวณ
คุณเอ เริ่มทำงานมาตั้งแต่อายุ 22 ปี เริ่มต้นที่เงินเดือน 15,000 บาทต่อเดือน
ปัจจุบันคุณเออายุ 32 ปีมีเงินเดือนที่ 40,000 บาท แล้วตอนนี้คุณเอควรมีเงินเก็บเท่าไหร่กัน?
เงินเก็บ = 2 x (32 - 22) x (40,000 + 15,000) = 1,100,000 บาท!
อย่าเพิ่งตกใจครับ เงินเก็บในที่นี้ไม่ได้หมายความว่าจะต้องเป็นเงินสดทั้งหมดนะครับ เป็นสินทรัพย์อื่นๆ ก็ได้เชนกันครับ ไม่ว่าจะเป็น บ้าน ที่ดิน ห้องคอนโดให้เช่า ทองคำ สลากออมสิน เงินฝากประจำ ตราสารหนี้ หุ้น กองทุนรวม ก็ได้เหมือนกันครับ
การสร้างรายได้สำหรับหลายๆ ท่านแล้วอาจจะเป็นสิ่งที่ทำได้เรื่อยๆ แต่วิธีการใช้เงิน และออมเงินอย่างถูกวิธีนั้นเป็นสิ่งที่มีคนน้อยนักที่จะรู้ นำวิธีการไปใช้ และรักษาวินัยการออมทุกๆ เดือนได้ครับ
เงินออมเป็นเรื่องสำคัญครับ ดังนั้นการรักษาสุขภาพทางการเงินที่แข็งแรง เมื่อเรารู้แล้วว่าวันนี้ควรจะมีเงินออมเท่าไหร่แล้วก็ต้องมีการนำทฤษฎีไปใช้งานจริง ปฏิบัติจริง เพื่อให้เกิดประโยชน์แก่ตัวเราในอนาคตด้วยครับ
ทำไมเราต้องรีบออมเงิน?
สมัยนี้คนเรามีความคล่องตัวมากขึ้นมีอายุยืนขึ้นช่วงชีวิตที่ยาวขึ้น ไม่สวยก็ไปทำสวยได้ หย่อนคล้อยก็ไปทำตึงเด้งได้ แล้วเราจะทำยังไงกันดีครับ หากเราไม่มีการวางแผนการเงินตั้งแต่สมัยที่เรายังมีแรงทำงาน จะเอาเงินที่ใช้น้ำพักน้ำแรงหามาไปซื้อแต่ของฟุ่มเฟือยก็เสียดาย ได้ก็แค่ความสุขชั่วครั้งชั่วคราวเท่านั้น ดังนั้น หากเราต้องการมีชีวิตบั้นปลายที่สุขสบาย ไม่ต้องเป็นห่วงเรื่องเงิน เรื่องรายได้ การลด ละ เลิกซื้อของ ใช้ของฟุ่มเฟือย และการมีวินัยในการออมเงินเป็นสิ่งสำคัญมากครับ
ถ้าเป็นมนุษย์เงินเดือน เงินรายเดือนไม่พอ ก็หมายความว่าเราจะต้องหารายได้เพิ่มเติมทางอื่นๆ ทีนี้เราเองก็ทำงานเต็มเวลาแล้ว แล้วจะมีวิธีการหาเงินยังไงได้อีก มาดูกันครับ
1.หางานเพิ่ม
สมัยนี้หากเราขวนขวาย ไม่จู้จี้ขี้เลือกซะอย่าง งานไหนๆ ก็ทำได้ รับรองว่าหางานนอกที่ดีได้แน่นอนครับ อีกอย่าง ในปัจจุบันเครือข่ายอินเตอร์เน็ตกว้างขวาง มีงานให้ทำออนไลน์เยอะแยะมากมายครับ เพียงแค่หาสิ่งที่เราทำได้เรื่อยๆ มีวินัยในการจัดการเรื่องเวลา ไม่เอางานนอกมาปนงานใน รับรองว่ารุ่งแน่ครับ
2.สร้างงานเอง
โซเชียลมีเดียเน็ตเวิร์คสมัยนี้มีช่องทางการทำเงินมากมายครับไม่ว่าจะเปิดร้านขายของเปิดโฆษณา ทำงานเป็นผู้ดูแลเพจ หรืออาจจะเสนอบริการ เช่น สอนภาษา แปลภาษาออนไลน์ ก็ทำผ่านโซเชียบเน็ตเวิร์คได้ทั้งนั้น
3.ปล่อยบ้าน/ห้องให้เช่า
หากเรามีห้องว่าง บ้านว่าง ก็ปล่อยให้เช่าได้ แม้ว่าจะเป็นบ้านเก่า หรือห้องในคอนโด หรืออพาร์ทเม้นเก่าๆ แต่หากเราลองตรวจสอบสินทรัพย์รอขายที่เป็นบ้านมือสองแล้วที่ของเราเป็นทำเลดี เสียเงินปรับปรุงสักหน่อยแล้วปล่อยให้คนเช่าก็ยังได้ครับ ก็จะได้รายได้เข้ามาอีกทางหนึ่ง
4.ติดตามแนวโน้มการตลาด
หากเราเป็นคนใส่ใจ คอยมองกระแสว่ามีธุรกิจอะไรที่คนน่าจะนิยม แล้วเราก็เปิดธุรกิจเล็กๆ ที่เกี่ยวข้องเพื่อตักตวงผลประโยชน์ของอุตสาหกรรมขาขึ้นก็ทำได้เช่นกันครับ เช่น แต่ก่อนมือถือมาแรง App บนมือถือก็มาแรงตาม ดังนั้นหากในช่วงนั้นเราสามารถสร้างแอพฯ ที่ใช้ง่าย มีประโยชน์ เราก็สามารถสร้างรายได้จากแอพฯ ได้อีกทางครับ
ทั้งหมดนี้ เป็นเพียงแค่แนวคิดคร่าวๆ ที่สามารถทำได้ แม้เราเป็นมนุษย์เงินเดือนนะครับ งานหลายๆ อย่างสามารถทำได้ควบคู่ไปกับงานประจำ หากประสบผลสำเร็จ หรือ เป็นสิ่งที่เราฝันอยากจะทำ ดีไม่ดีสร้างเนื้อสร้างตัวจากงานนอกก็มีให้เห็นกันมาแล้ว แต่ไม่ว่าจะหาเงินมาได้เยอะ หากเราไม่รู้จักเก็บออม ไม่รู้จักนำเงินไปสร้างเงินให้เรา มีเท่าไหร่ก็หมดได้นะครับ ดังนั้น การมีวินัยในการออมเงิน และการวางแผนการออมเงิน และปฏิบัติตามอย่างเคร่งครัดตั้งแต่เนิ่นๆ เป็นสิ่งสำคัญครับ
ติดตามสาระความรู้ และเคล็ดลับดีๆ เกี่ยวกับผลิตภัณฑ์ทางการเงิน และประกันภัยได้ที่ บล็อก ของ MoneyGuru.co.th นะครับ
ขอบคุณที่มาจาก ประชาชาติธุรกิจออนไลน์