"กมล" เตรียมฟ้อง แชทไลน์ป่วน ส่งข้อมูล ป.ป.ท.กรณีล็อกสเปก e-classroom ยันข้อมูลเท็จ คาดกลุ่มเสียประโยชน์หวังทำเสียชื่อ
นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาฯ กพฐ.) กล่าวว่า ขณะนี้มีการส่งต่อข้อมูลโปรแกรมแชทไลน์ ข้อความว่า คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ลงมติลับชี้มูลทุจริต ตน และนายชินภัทร ภูมิรัตน อดีตเลขาฯ กพฐ. ฐานละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ตามมาตรา 157 กรณีล็อกคุณสมบัติห้องเรียน e-classroom ปีงบประมาณ 2555 และ 2556 ซึ่งยืนยันว่ายังไม่มีหนังสือใดๆ แจ้งมาจาก ป.ป.ท. ทั้งนี้ e-classroom มีหลายโครงการมาก และมีการเสนอมาจากหลายสำนักในสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (สพฐ.) ตนไม่ทราบว่าโครงการที่ถูกกล่าวหาเป็นโครงการใด ถ้าผิดว่าบกพร่องหรือละเลยก็ยินดีรับผิดทุกประการ แต่ถ้าไม่ผิดก็พร้อมชี้แจงข้อมูลทุกเรื่อง โดยเท่าที่พยายามตรวจสอบก็ยังไม่พบว่ามีการดำเนินการในเรื่องใดที่มีเจตนาในทางที่ผิด และโดยระบบการตรวจสอบจะมีขั้นตอนตั้งแต่ระดับเจ้าหน้าที่สำนักฯ ซึ่งถ้าไม่พบสิ่งผิดปกติตนก็เซ็นอนุมัติให้ตามที่เสนอ ยืนยันว่าการดำเนินการที่ผ่านมาไม่เคยมีการสั่งล็อกสเปกเพื่อให้ประโยชน์ใคร อย่างไรก็ตาม ตนเองคงไม่ไปตรวจสอบเรื่องดังกล่าว เพราะทุกวันนี้มีงานและภารกิจต้องทำจำนวนมาก และมั่นใจในความบริสุทธิ์ของตนเอง
นายกมลกล่าวต่อว่า การเผยแพร่ข้อความดังกล่าวถือว่าสร้างความเสียหายให้ตน แต่ก็ไม่ได้รู้สึกเป็นทุกข์หรือกังวลอะไร โดยได้พยายามตรวจสอบว่ามีใครบ้างที่เกี่ยวข้องในการเผยแพร่ข้อมูล ซึ่งก็พบว่าผู้ที่เผยแพร่เรื่องนี้ล้วนเป็นคนที่มีผลประโยชน์ทับซ้อนทั้งสิ้น ดังนั้นตนจึงได้ส่งข้อมูลของผู้ที่ส่งต่อข้อความทางไลน์ ซึ่งมีรูปหน้าชัดเจนว่าเป็นใคร ให้เจ้าหน้าที่กฎหมายรวบรวมไว้เป็นหลักฐาน ซึ่งถ้าถึงเวลาอาจมีการฟ้องร้องตามกฎหมายต่อไป ทั้งนี้ตนยังไม่ได้มีการพูดคุยเรื่องดังกล่าวกับ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ. )และ พล.ร.อ.ณรงค์ก็ไม่ได้สอบถามเรื่องดังกล่าว
"เรื่องนี้อาจจะเกี่ยวพันกับการแต่งตั้งโยกย้ายที่จะมีในช่วงสิ้นปีงบประมาณนี้ที่ผ่านมา ผมอาจทำอะไรให้คนไม่พอใจมากพอสมควร เช่น ไปย้ายบางคน บางกลุ่ม ซึ่งคนเหล่านี้อาจเคยได้ประโยชน์หรือมีส่วนเกี่ยวกับธุรกิจมีอำนาจ มีอิทธิพลอยู่ พอไปขยับหมุนเวียนหรือตัดตอนประโยชน์ที่เคยมี ไม่ว่าจะเป็นประโยชน์ทางราชการหรือทางธุรกิจ หรือแม้แต่การขอโครงการบางเรื่องที่ให้ไม่ได้ ก็อาจมีคนไม่พอใจ ดังนั้นจึงได้เริ่มทำโครงการ สพฐ.ใสสะอาด เพื่อให้การจัดสรรงบประมาณต่างๆ เป็นไปด้วยความโปร่งใส จากเดิมที่แต่ก่อนมักจะมีการจัดงบซ้ำซ้อนไปยังโรงเรียนต่างๆ บางคนมีบริษัทอยู่ในมือ ใช้เงินหลวงไปซื้อของบริษัทตัวเอง เป็นต้น" เลขาฯ กพฐ.กล่าว.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 22 มิถุนายน 2558