หนุน‘บิ๊กตู่’ขี่ม.44ปฏิรูปการศึกษา ผ่าตัดทุกปัญหาที่กระทบเด็ก : กมลทิพย์ ใบเงินรายงาน
ปฏิเสธไม่ได้ว่าทุกความเคลื่อนไหว เกี่ยวกับความคืบหน้าในการจัดทำร่างเนื้อหาด้านการศึกษา ของคณะกรรมาธิการ(กมธ.)ปฏิรูปการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สมาชิกสภาปฏิรูปแห่งชาติ(สปช.) ที่เตรียมเสนอ กมธ.ยกร่างรัฐธรรมนูญ เพื่อให้ได้รับการบรรจุร่างดังกล่าวเอาไว้ในรัฐธรรมนูณนั้น ณ วันนี้ ถูก "ขาประจำ" ยึดพื้นที่ในการให้ข่าวต่อสื่อมวลชน ชนิดที่เรียกได้ว่าไม่มีความเห็นต่าง แต่โลกความเป็นจริงต้องยอมรับว่า "ความเห็นต่าง แต่ไม่แตกแยก" เป็นสิ่งที่สังคมประชาธิปไตย ควร "เปิดใจ" รับฟังแม้เป็นแค่ "หนึ่งเสียง" ก็ตาม
ดูเหมือนว่า กมธ.ปฏิรูปการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สปช. ทั้งหมด 27 ชีวิต มี "ดร.พารณ อิศรเสนา ณ อยุธยา" ผู้อำนวยการใหญ่โรงเรียนดรุณสิกขาลัย นั่งหัวโต๊ะเป็น "ประธาน กมธ.ปฏิรูปการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์" นั้น มีสมาชิกจำนวนไม่น้อยที่มีความเห็นต่างจาก "ขาประจำ" หนึ่งในจำนวนนั้น ต้องยกนิ้วให้ "ดร.จุไรรัตน์ จุลจักรวัฒน์" ประธานหลักสูตรรัฐประศาสนศาสตรมหาบัณฑิต มหาวิทยาลัยราชภัฏเชียงใหม่(มรภ.เชียงใหม่) และเธอคือ "1 ใน 5 เสือ" คณะกรรมการการเลือกตั้ง(กกต.) ประจำจังหวัดเชียงใหม่ ที่เป็นคนสมถะ พูดจาฉะฉาน เสียงดังฟังชัด ออกจะดุนิดๆ แต่มีใจเที่ยงธรรมกับทุกชีวิตและสังคม นั่นคือ "ดอกเตอร์สวยเฉียบ" คนนี้
ความดีเป็นใบเบิกทางให้ "ดร.จุไรรัตน์ จุลจักรวัฒน์" จาก 1 ใน 5 เสือกกต.เชียงใหม่ สู่ คณะกรรมาธิการปฏิรูปการศึกษาและพัฒนาทรัพยากรมนุษย์ สปช. และ คณะกรรมาธิการการปฏิรูปการเมือง สปช. และเธอเป็นผู้หญิงเพียงคนเดียว ที่ได้รับความไว้วางใจให้นั่งในตำแหน่ง "รองประธานกมธ.ปฏิรูปการเมือง คนที่3" ซึ่งมี "ศ.ดร.สมบัติ ธำรงธัญวงศ์" เป็นประธาน
"ตั้งใจอยากจะเป็นสมาชิก 2 กมธ. ทั้งด้านการศึกษาและด้านการเมือง เพราะงานการศึกษาและการเมือง มีความสำคัญกับบ้านเมืองมาก หากการศึกษาดี การเมืองดี ทุกอย่างก็จะดีตามไปหมด จะทำให้เศรษฐกิจดี ปราบปราบคอร์รัปชั่นได้ พลเมืองมีคุณธรรม จริยธรรม บ้านเมืองก็จะสงบสุข"
ดร.จุไรรัตน์ ยอมรับว่า ระยะแรกที่ประชุม กมธ.ปฏิรูปการศึกษาฯ ฟังไม่รู้เรื่องเลย เมื่อแสดงความเห็นว่าสิ่งที่ถกเถียงกันอยู่นั้นเชื่อว่าประชาชนคงฟังไม่รู้เรื่อง ดูมันเลอะเทอะไปหมด เมื่อตนฟังไม่รู้เรื่องประชาชนก็น่าจะไม่รู้เรื่องเหมือนกัน
"เมื่อมาทำงานเพื่อปฏิรูปการศึกษา ต้องทำลายกำแพง หรือต้องวิ่งชนกำแพงให้มันทะลุ แต่ไม่มีใครฟังเลย ยิ่งเวลาพูดถึงการคอร์รัปชั่น ทั้งทางตรงทางอ้อม ต้องเอาหลักธรรมาภิบาลเข้าไปแก้ปัญหา ส่วนใหญ่ไม่อยากคุยด้วย เหมือนพี่แอบขายยาบ้า แถมยังอ้างนายกรัฐมนตรี (พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา) กำชับห้ามแตะโครงสร้างกระทรวงศึกษาธิการ แต่พี่ไม่เชื่อนะว่านายกฯจะพูดแบบนั้น สรุปว่า 6-7 เดือนที่กมธ.ประชุม พี่มองไม่เห็นว่าจะปฏิรูปการศึกษาได้เลย แค่ขยับๆ ปรับๆ เท่านั้น เหมือนพายเรืออยู่ในอ่าง ไม่ไปไหนเลย ทำให้พี่ถอดใจ หมดหวัง เริ่มถอยออกมาเป็นฝ่ายมองดู แต่ในสุดก็ต้องกลับเข้าไปใหม่ เมื่อคิดถึงความตั้งใจที่จะทำงานเพื่อถวายในหลวง"
เหนืออื่นใด การปฏิรูปการศึกษาในสายตา "ดร.จุไรรัตน์ จุลจักรวัฒน์" นั้น เธอมองว่า กมธ.ปฏิรูปการศึกษาฯ ต้องนำเอาปัญหามากองบนโต๊ะ มองตรงไปตรงมา มองชัดๆ ไม่มีผลประโยชน์แอบแฝง ต้องปฏิรูปกันจริงๆ ต้องแตะกระทรวงศึกษาฯ ต้องคุยถึงปัญหาการศึกษา แต่ที่ผ่านมาไม่มีใครบอกปัญหาการศึกษาแท้จริงอยู่ไหน จะแก้ไขอย่างไร ต้องรู้ปัญหาเดิมคืออะไรของการศึกษา เราก็ต้องปฏิรูปตรงนั้น ให้เบ็ดเสร็จเด็ดขาด ทั้งการศึกษาระดับปฐมวัย การศึกษาขั้นพื้นฐาน การอาชีวศึกษา การอุดมศึกษา ซึ่งหลักธรรมาภิบาลเป็นข้อแรกของการปฏิรูปการศึกษา จะครอบคลุมทุกเรื่อง ถ้าเริ่มต้นด้วยธรรมาภิบาลได้ จะตรวจสอบแบบเข้มข้นได้ มีความโปร่งใส มีความเป็นธรรม เมื่อตรวจพบคอร์รัปชั่นต้องมีคนรับผิด ต้องมีบทลงโทษอย่างเข้มข้นด้วย เรื่องอื่นจะดีเอง
"อย่าลืมว่าเด็กทุกวันนี้ไม่มีความสุข เพราะหลักสูตรการเรียนการสอน ไม่ได้สร้างคุณภาพแท้จริง เด็กเรียนเยอะ การบ้านเยอะ แต่คิดไม่เป็น ถ้าดีไซน์ระบบการจัดการการศึกษาดีๆ อย่างอื่นไม่มาทำร้ายเด็ก แต่ถ้าปล่อยให้ กมธ.ทำคงไม่เกิดการปฏิรูปการศึกษาอย่างแท้จริง อยากวิงวอนให้นายกรัฐมนตรีใช้มาตรา 44 แห่งรัฐธรรมนูณ(ฉบับชั่วคราว) 2557 ผ่าทุกปัญหาการศึกษาที่กระทบเด็ก จะตั้งหน่วยงานใหม่ไม่ว่า แต่อย่านั่งทับปัญหา ต้องผ่าตัดเลย ระบบการจัดการศึกษาเป็นมะเร็งระยะสุดท้ายมานานแล้ว เพียงแต่ว่าคนไทยอดทนสูง อีกทั้งคนไทยรักลูกไม่อยากมีปัญหากับสถานศึกษา" ดร.จุไรรัตน์ ฝากทิ้งท้าย
ที่มา คมชัดลึก 8 มิถุนายน 2558