ข่าวฉาววงการศึกษาช่วงนี้ ต้องยกให้การบริหารเงินไม่โปร่งใสของสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา
มีข่าวปูดมาตั้งแต่การก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ งบประมาณกว่า 360 ล้านบาท ที่ถูกปล่อยทิ้งร้าง หลังผู้รับเหมาทิ้งงานตั้งแต่ปี 2555 ซึ่งนพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ตรวจสอบพบการดำเนินงานขัดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี และรายงานให้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค.พิจารณาดำเนินการต่อไปแล้ว
ตามมาด้วยการนำเงินกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) วงเงิน 800 ล้านบาท ไปซื้อหุ้น 32 ล้านหุ้น หุ้นละ 10 บาท กับบริษัท หนองคายน่าอยู่ จำกัด เพื่อลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าพลังงานขยะชุมชน จ.หนองคาย โดยคณะกรรมการ สกสค. มอบหมายให้ นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ตรวจสอบว่าเข้าข่ายสร้างความเสียหายให้ราชการหรือไม่
มาถึงโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าหนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี ที่สร้างความฮือฮามากที่สุด
เมื่อล่าสุดกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) โดย พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว รองอธิบดีดีเอสไอ ได้แถลงความคืบหน้าการตรวจสอบหลักทรัพย์ที่บริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด นำมาใช้ค้ำประกันการขายตั๋วสัญญาใช้เงิน 2 ฉบับ ฉบับละ 2,100 ล้านบาท และฉบับละ 400 ล้านบาท ให้กับกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค. สกสค. เพื่อบริษัทบิลเลี่ยนฯนำเงินไปลงทุนโครงการก่อสร้างโรงไฟฟ้าหนองหญ้าปล้อง
ส่วนตั๋วสัญญาใช้เงินฉบับแรก 500 ล้านบาท ที่บริษัทบิลเลี่ยนฯขายให้กับกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษฯ ช.พ.ค.นั้น เนื่องจากมีธนาคารอาวัลหรือธนาคารรับรอง ทำให้ไม่มีปัญหา โดย สกสค.ได้รับเงินต้นคืนพร้อมดอกเบี้ยตามกำหนดเรียบร้อยแล้ว
ดีเอสไอแถลงผลตรวจสอบหลักทรัพย์ทั้ง 7 รายการที่บริษัทบิลเลี่ยนฯนำมาใช้ค้ำประกัน ปรากฏว่า 1.ดราฟต์หรือตั๋วแลกเงินธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ (HSBC) ประเทศไทย เลขที่ 33603330 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 จำนวน 100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้มีการตรวจสอบกับธนาคาร HSBC แล้วได้รับการยืนยันว่าเป็นเอกสารปลอม
2.ใบค้ำประกันของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 ฉบับได้มีการตรวจสอบกับธนาคารในเบื้องต้นแล้วได้รับคำตอบว่าน่าเชื่อว่าเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากรูปแบบเอกสารผิดไปจากรูปแบบมาตรฐานของธนาคาร ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดบางส่วนในเอกสารเพิ่มเติม
3.ใบหุ้นสโมสร THE READING FOOTBALL CLUB เลขที่ RFC000168 มูลค่า 50 ล้านปอนด์ มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบข้อมูลว่านายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา เจ้าของบริษัทบิลเลี่ยนฯ ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของสโมสรเรดดิ้ง
4.เงินสกุลคูนาโครเอเชีย จำนวน 950 ล้านคูนา จากการตรวจสอบเบื้องต้นน่าจะเป็นของจริง แต่มีการยกเลิกการใช้แล้ว
5.โฉนดที่ดิน 33 แปลง และ น.ส.3 จำนวน 16 แปลง ในพื้นที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี พบว่ามีใบประเมินราคาจากกรมที่ดินว่ามีมูลค่าประเมิน 37 ล้านบาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสาร รวมถึงมูลค่าที่แท้จริงในปัจจุบัน
6.เช็คธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 0482284 มูลค่า 2,100 ล้านบาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบ
7.สัญญาค้ำประกันตนเองของนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ต้องมีการสอบปากคำนายสัมฤทธิ์ ในประเด็นการจัดทำเอกสารฉบับนี้ต่อไป
และล่าสุดในส่วนของเช็คธนาคารแลนด์แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) ธนาคารได้ทำหนังสือตอบกลับมายัง ศธ.ว่าไม่มีเงินในบัญชี
หรือเช็คเด้งนั่นเอง
พร้อมกันนี้ดีเอสไอเตรียมสรุปสำนวนผู้เกี่ยวข้องกับการกระทำความผิด ซึ่งประกอบด้วยอดีตคณะกรรมการบริหารกองทุนฯ และเจ้าหน้าที่ สกสค.ที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติและร่วมดำเนินการเกี่ยวกับการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน 3 ฉบับจากบริษัทบิลเลี่ยนฯดังกล่าวจำนวนประมาณ 10 คน ส่งให้กับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ต่อไป เพราะเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมาย ตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ พ.ศ.2542 รวมถึงดำเนินการตามกฎหมายฟอกเงินเนื่องจากเข้าข่ายความผิดตามมูลฐานการฟอกเงิน และคดีอาญาด้วย
โดยรายชื่อที่ดีเอสไอเตรียมส่งให้ ป.ป.ช.นั้น ประกอบด้วย ประธานกรรมการ รองประธานกรรมการ และกรรมการ ที่เข้าร่วมประชุมอนุมัติซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน อาทิ นายเกษม กลั่นยิ่ง ประธานกรรมการ นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. นายสุรเดช พรหมโชติ รองเลขาฯสกสค. นายวัฒนา วรรณโสภา รองเลขาฯสกสค. นายประวิทย์ บึงไสย์ นายนเรศ แสนมูล นายสมศักดิ์ ทองแก้ว นายอุดม รูปดี ว่าที่ ร.ต.เทพสุจินต์ พงษ์สวัสดิ์ นางปิยธิดา พลน้ำเที่ยง นายนิเทศน์ บัวตูม ผู้อำนวยการ (ผอ.) สำนักงาน สกสค. กรุงเทพฯ นายเพทาย ทองมหา ผอ.สำนักอำนวยการ นางปิยาภรณ์ เยาวาจา ผอ.สำนักสวัสดิการครู นายพรเทพ มุสิกวัตร ผอ.สำนักกฎหมายและคุ้มครองสิทธิครู นางมยุรี ตัณฑวัล ผอ.กลุ่มการเงินและบัญชี ช.พ.ค.-ช.พ.ส. นายสุเทพ ริยาพันธ์ ผอ.สำนักสวัสดิภาพครู น.ส.กัญญาณัฐ แจ่มมี ผอ.กลุ่ม ช.พ.ค. นายวินัย ศรีเจริญ ผอ.สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษาสมุทรสงคราม น.ส.นิยมพร ธรรมวงษา ผอ.สำนักสวัสดิการครู และนายวัชรินทร์ ผละพล ผอ.สำนักงานกฎหมายและคุ้มครองสิทธิครู เป็นต้น
ล่าสุดสำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) ได้สั่งอายัดทรัพย์ของบุคคลดังกล่าว รวมวงเงินกว่า 180 ล้านบาท เรียบร้อยแล้ว!
จากนี้ต้องจับตา พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการ ศธ. ว่าจะดำเนินการอย่างไรต่อไป เพราะนายศรีราชา วงศารยางกูร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เคยประกาศว่าใน ศธ.มีการทุจริตถึงหลักหมื่นล้าน
นายศรีราชาบอกว่า มีมาเฟียคอยหาเงินจากเงินสวัสดิการและส่งเงินให้กับผู้บริหารบางตำแหน่งเดือนละนับแสนบาทด้วย
มาเฟียคนนั้นเป็นใคร เครือข่ายโยงใยมากน้อยแค่ไหน
คงต้องรอให้ คสช.และรัฐบาลร่วมกันกระชากหน้ากากออกมา !
(ที่มา:มติชนรายวัน 6มิ.ย.2558)