โดย ทะนุพงศ์ กุสุมา ณ อยุธยา
“แคงเกอร์” เป็นชื่อโรคที่มักเกิดขึ้นกับมะนาวหรือพืชตระกูลส้ม มีเกษตรกรหลายรายมักต้องม้วนเสื่อกลับบ้านหากเจอโรคนี้ระบาดอย่างหนัก แม้จะพยายามแก้ไขแล้วก็ตาม
โรคแคงเกอร์ เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ซึ่งจะนำความเสียหายโดยเข้าทำลายทุกส่วนของพืช ไม่ว่าจะเป็น ต้น กิ่ง ก้าน ใบ และผลอีกด้วย
คุณวิเชียร เนียมจ้อย อยู่บ้านเลขที่ 40/2 หมู่ที่ 4 ตำบลบ้านใหม่ อำเภอบางใหญ่ จังหวัดนนทบุรี มีอาชีพเพาะ-ขยายพันธุ์ไม้ผลมานาน ได้ลองนำกิ่งมะนาวแป้นที่ไม่ทราบพันธุ์มาปลูก กระทั่งพบว่าให้ผลดก และมีตลอดปี สามารถปลูกได้หลายแบบตามความเหมาะสม ทั้งในกระถาง ในวงบ่อ หรือลงดิน แต่ที่น่าสนใจตรงที่ทนทานต่อโรคแคงเกอร์ได้
ในอดีต คุณวิเชียรเคยได้รับผลกระทบจากโรคแคงเกอร์ที่ไม่ต่างจากผู้ปลูกมะนาวรายอื่น เคยซื้อกิ่งมะนาวแป้นมาปลูกจำนวนมาก แต่ต้องขุดทิ้งไปเพราะติดแคงเกอร์ คุณวิเชียรเผยว่าขนาดตัดทิ้งแล้วปลูกใหม่ยังเป็นอีก เลยยอมแพ้
พอมาคราวหลังได้พันธุ์มะนาวจากเพื่อน โดยไม่รู้ว่าเป็นพันธุ์อะไร นำมาลงดินปลูกในกระถาง พบว่าทนโรคแคงเกอร์ ดูแลง่าย ปลูกง่าย และเป็นพันธุ์เบา ที่สำคัญได้ผลผลิตเร็ว เพียงต้นขนาดเล็กยังได้ผลดกและต่อเนื่อง ทั้งที่ปลูกแบบไม่ใส่ใจยังได้ผลมากมาย
ปลูกได้ทั้งในกระถาง วงบ่อ และลงดิน
คุณวิเชียร บอกว่า มะนาวพันธุ์นี้ อายุ 8 เดือน นับจากเริ่มปลูกก็ได้ลูกแล้ว ตั้งแต่ช่วงออกดอกจนเก็บผล ประมาณ 4-5 เดือน ปลูกได้ทั้งในกระถาง ถ้าอายุตั้งแต่ 7 เดือน ถึง 1 ปี เคยนับว่า 1 ต้น ที่ปลูกในกระถาง ขนาด 25 นิ้ว ให้ผลได้เป็นร้อย อาจตั้งไว้บริเวณบ้านก็ยังให้ผลผลิตได้ในครัวเรือนและมีทั้งปี หรือถ้ายิ่งนำลงดิน ในลักษณะทำเป็นการค้า อาจหมดปัญหาเรื่องโรคมารบกวน แล้วยังได้ผลผลิตเพิ่มขึ้นอีกจำนวนหลายเท่า
คุณวิเชียร แจงคุณลักษณะเด่นของมะนาวพันธุ์นี้หลังจากปลูกมาหลายปีว่า ให้น้ำดี มีผลดก และให้ผลตลอดเพียงแต่มีเมล็ดมาก ต่างกับพันธุ์แป้นรำไพที่มีเมล็ดน้อย สำหรับที่ปลูกอยู่ให้ผลผลิตรุ่นที่ 3 แล้ว คาดว่าถ้าหมดรุ่นนี้จะให้ต้นได้พัก
สำหรับวัสดุปลูก คุณวิเชียรให้รายละเอียดว่ามีส่วนผสมของดิน กาบมะพร้าวสับ แกลบ ปุ๋ยคอก ปุ๋ยหมัก ซึ่งพอปลูกไปเรื่อยๆ ต้องคอยเติมดินและปุ๋ยคอก
“ปุ๋ยคอกโดยเฉพาะถ้าเป็นขี้หมูจะดีมาก ใส่กองไว้รอบโคนต้น ต้นละ 2-3 กำมือ จะทำให้ต้นมีความเจริญงอกงาม แล้วยังช่วยสร้างคุณภาพดิน”
ทางด้านปุ๋ยเคมีนั้น คุณวิเชียร ระบุว่า ควรใส่เพียงเล็กน้อยเท่านั้น และไม่เน้น ฉะนั้นระหว่างปีอาจใส่ปุ๋ยเสมอ สูตร 15-15-15 สัก 1 กำมือ หรือราว 3 ช้อนโต๊ะ ในทุก 1-2 เดือน และไม่ควรให้บ่อยนัก
“การให้น้ำ เพียงวันละ 1 ครั้ง สำหรับที่สวนใช้เป็นระบบมินิสปริงเกลอร์ กรณีถ้าปลูกลงกระถางบริเวณบ้าน ควรรดน้ำทุกวัน หรือวันเว้นวัน หรือถ้าทำเป็นน้ำหยดก็ยิ่งดี”
ปลูกในกระถางได้ แต่ต้องหมั่นใส่ใจ
หลายปีที่ผ่านมาคุณวิเชียรพบว่า มะนาวพันธุ์นี้สามารถให้ผลผลิตได้ตลอดทั้งปี แม้ปลูกในกระถางก็ตาม ดังนั้นเพียงแค่ใส่ปุ๋ยคอกขี้หมู รดน้ำ พรวนดิน ตัดแต่งกิ่ง เท่านี้ก็มีลูกไว้ให้ใช้ได้ทั้งปีแล้ว ยังบอกถึงข้อดีของการปลูกมะนาวในกระถางว่าสะดวกต่อการเคลื่อนย้ายหากต้องการปรับเปลี่ยน ทั้งนี้ไม่ว่าจะตั้งอยู่ตำแหน่งใด จะร่มมาก ร่มน้อย แดดแรง ก็ไม่มีผลต่อต้นมะนาวแต่อย่างใด
คุณวิเชียร เพาะขายต้นมะนาวใส่กระถางไว้ จำนวน 3 ขนาด ได้แก่ กระถาง ขนาด 6 นิ้ว ราคา 100 บาท ขนาด 15 นิ้ว ราคา 300 บาท และขนาด 25 นิ้ว ราคา 3,000 กว่าบาท
กระถาง ขนาด 25 นิ้ว มีทรงต้นโตที่พร้อมให้ผลผลิตทันใจ สามารถให้ผลมะนาว จำนวน 300 ผล ต่อรุ่น ทั้งนี้จะต้องอยู่ภายใต้การดูแลเอาใจใส่อย่างดี ไม่ว่าจะเป็นการรดน้ำ พรวนดิน ใส่ปุ๋ย หรือการตัดแต่งทรงพุ่ม ซึ่งควรทำตามเวลาที่เหมาะสม
นอกจากนั้น ยังแนะถึงการตัดแต่งทรงต้นว่า อย่าตัดแล้วทิ้งจะเสียของ ควรวางแผนตัดกิ่งที่มีขนาดเหมาะสมเพื่อใช้ขยายพันธุ์ขายต่อไป และวิธีที่ดีคือการตอน หรือถ้ามีความชำนาญสักหน่อยอาจใช้วิธีเสียบยอดเพื่อเพิ่มรายได้เสริมอีกทาง อย่าไปมัวแต่รอให้มีผลผลิตอย่างเดียว ควรหาประโยชน์อย่างอื่นมาเป็นรายได้
มีกิ่งพันธุ์ จำหน่ายด้วย
ไม่เพียงการเพาะต้นใส่ในกระถาง คุณวิเชียรยังเตรียมกิ่งพันธุ์ไว้ให้กับผู้ที่สนใจต้องการปลูกมะนาวพันธุ์นี้ในเชิงการค้าด้วย ขายกิ่งตอน ราคา 100 บาท ต่อกิ่ง มีทั้งชำแล้วอยู่ในถุงพร้อมปลูก หรือเฉพาะกิ่งอย่างเดียว
“ความจริงมะนาวเป็นพืชที่ทนทาน ไม่ตายง่าย อย่างรายที่ราชบุรี ซื้อไปพันกว่ากิ่ง ไม่ได้ชำให้ ไปปลูกแล้วไม่มีปัญหากลับมาเลย ทั้งนี้เพราะเคยมีการทดสอบความทนทานมาแล้วด้วยการจุ่มน้ำให้ฉ่ำ อยู่ได้นานถึง 20 วัน แล้วรากยังงอกออกมาเรื่อยๆ”
สำหรับบางท่าน หากพอมีที่ดินแล้วต้องการปลูกมะนาวพันธุ์นี้ลงในวงบ่อซีเมนต์ คุณวิเชียรบอกว่าควรกำหนดระยะห่าง ประมาณ 6-7 ศอก แล้วต้องการบังคับให้ออกดอก ก็เพียงแค่หยุดให้น้ำสัก 5 วัน จะสังเกตว่าใบเหี่ยว ไม่ต้องตกใจ เพราะเมื่อรดน้ำแล้วไม่นานต้นจะฟื้นพร้อมกับมีร่องรอยการปริดอกให้เห็นทันที
กรณีที่ปลูกลงดินและมีเป้าหมายในการสร้างผลผลิตจำนวนมากเพื่อการค้า โดยเฉพาะอย่างยิ่งช่วงนอกฤดูด้วยแล้ว คุณวิเชียรแนะว่า ควรมีการบังคับออกดอก ในช่วงราวปลายเดือนตุลาคมไปจนถึงพฤศจิกายน และควรให้ดอกออกภายในช่วง 2 เดือน นี้ แล้วจะได้ลูกราวเดือนมีนาคม-เมษายน
ใช้ด่างทับทิม ฉีดพ่นป้องกัน
คราวนี้หันมาดูเรื่องโรคแคงเกอร์กับแมลงศัตรูกันบ้าง คุณวิเชียรบอกว่า อาจเจอหนอนชอนใบบ้าง คงต้องใช้ยาควบคุม ถ้าจะใช้สารเคมีอาจไม่คุ้ม เพราะปลูกไม่มาก ควรหันไปพึ่งสารชีวภาพกลุ่มพืชหรือยาชุน และควรฉีดในช่วงแตกใบอ่อน
แต่สำหรับโรคแคงเกอร์แล้วปัจจุบันอาจไม่ใช่ปัญหาใหญ่ สามารถป้องกันได้ด้วยการใช้น้ำด่างทับทิมฉีดพ่น ในอัตรา ด่างทับทิม 50 กรัม ผสมน้ำ 1 ลิตร คนให้เข้ากันทิ้งไว้ จากนั้นให้แบ่งออกมา จำนวน 20 ซีซี ผสมกับน้ำอีก 1 ปี๊บ ฉีดพ่น จะช่วยในการป้องกันและระงับโรคแคงเกอร์ได้ สูตรนี้ใช้ได้ผลดีแล้วยังปลอดภัยต่อสุขภาพ และสิ่งแวดล้อม
บริเวณรอบบ้านคุณวิเชียรปลูกพืชผักสวนครัวไว้เป็นจำนวนมาก เก็บไว้รับประทานบ้าง มีบางส่วนขาย อย่างผลมะนาวที่ได้จากต้น คุณวิเชียรไม่ได้นำออกไปขายที่อื่น แต่มักมีเพื่อนบ้านแถวนั้นแวะเวียนมาซื้อ โดยจะขายราคาที่ต่ำกว่าตลาด นอกจากนั้นยังเพาะกล้วยไม้ ใช้เนื้อที่ 4 ไร่ ปลูกกล้วยไว้ขายหน่อ ปลูกมะนาวไร้เมล็ดที่นำมาจากอเมริกา ซึ่งมีขนาดผลใหญ่มาก มีน้ำมาก และควรนำไปใช้ในการทำน้ำผลไม้มากกว่าการนำมาปรุงอาหาร
ที่บ้านคุณวิเชียรยังแบ่งพื้นที่บางส่วนสำหรับไว้รับซ่อมเครื่องจักรกลทางการเกษตรบางอย่างด้วย เวลาลูกค้ามาที่บ้าน มักเห็นพันธุ์มะนาวก็มักจะถามหาแล้วซื้อกิ่งพันธุ์บ้าง มะนาวในกระถางบ้าง
สนใจ สอบถามรายละเอียดต้นและกิ่งพันธุ์มะนาว หรือพันธุ์ไม้ผลชนิดอื่นได้ที่ คุณวิเชียร เนียมจ้อย โทรศัพท์ (081) 927-7299
ข้อมูล นิตยสารเทคโนโลยีชาวบ้าน www.technologychaoban.com และ มติชนออนไลน์