ปปง.ยึดทรัพย์เครือข่ายโกงสกสค. 183 ล้าน พฤติกรรมตั้งใจมาโกง ถอนเงินวันละ 120 ล้าน
"พ.ต.อ.สีหนาท"แถลงยึดทรัพย์เครือข่ายโกงสกสค. 183 ล้าน อัดพฤติกรรมตั้งใจมาโกง ถอนเงินวันละ 120 ล้าน โอนเงินล็อตใหญ่ 2,100 ล้านบาท ให้บ.บิลเลี่ยนฯ
สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) พ.ต.อ.สีหนาท ประยูรรัตน์ เลขาธิการปปง. แถลงผลตรวจสอบเส้นทางการเงินกรณีสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ทำธุรกรรมทางการเงินกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด ว่า
จากการสืบสวนและรวบรวมข้อมูลหลักฐานพบว่า อดีตเลขาธิการสกสค. ร่วมกับกรรมการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อสมาชิกคุรุสภา (ช.พ.ค.) ได้นำเงินของช.พ.ค.ให้บริษัท บิลเลี่ยนฯ กู้ยืมผ่านการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงิน 3 ครั้ง รวม 3,000 ล้านบาท โดยได้รับค่าตอบแทน 7 % แต่เมื่อครบกำหนดชำระคืนเมื่อ 27 ธ.ค. 2557 สกสค.ได้รับเงินคืนเพียง 500 ล้านบาท มียอดเงินค้างชำระอยู่อีก 2,500 ล้านบาท จากการตรวจสอบหลักประกันทั้งโฉนดที่ดิน 33 แปลง เช็คธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด ดร๊าฟท์ธนาคาร HSBC ใบหุ้นสโมสรฟุตบอลเรดดิ้ง ประเทศอังกฤษ เงินสกุลโครเอเชีย ซึ่งเป็นเอกสารปลอมทั้งหมด พฤติกรรมดังกล่าวเข้าข่ายเป็นการร่วมกันฉ้อโกง มีผู้เกี่ยวข้อง ประกอบด้วย
1.นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา กรรมการบริษัทบิลเลี่ยนฯ
2.นายยศวัจน์ ถิรพรสวัสดิ์ กรรมการในเครือบริษัท บิลเลี่ยนฯ
3. นายสิทธินันท์ หลอมทอง กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยนฯ
4.นายมงคล เอี่ยงศุภพานนท์ กรรมการผู้มีอำนาจบริษัท บิลเลี่ยนฯ และ
5.กรรมการของสกสค. และกรรมการ ช.พ.ค.บางราย
เลขาธิการปปง. กล่าวต่อว่า ปปง. ทำการวิเคราะห์เส้นทางการเงินผู้เกี่ยวข้องทั้งหมดแล้วเห็นว่าเข้าข่ายความผิดตามกฎหมายว่าด้วยความผิดของพนักงานในองค์การหรือหน่วยงานรัฐ หรือความผิดต่อตำแหน่งหน้าที่หรือทุจริตต่อหน้าที่ตามกฎหมายอื่น อันเป็นมูลฐานความผิดตามพ.ร.บ.ฟอกเงิน จึงมีมติให้ยึดและอายัดทรัพย์สินรวม 146 รายการ มูลค่าประมาณ 183 ล้านบาทไว้ตรวจสอบชั่วคราว ได้แก่ โฉนดที่ดิน 33 แปลง และหนังสือรับรองการทำประโยชน์(น.ส.3) 16 แปลง มูลค่าประมาณ 37 ล้านบาท บัญชีเงินฝากของผู้ที่เกี่ยวข้องสัมพันธ์ที่ได้รับโอนเงินทั้งบริษัท บิลเลี่ยนฯ และบริษัทในเครือของนายสัมฤทธิ์ กับพวกและกรรมการสกสค. และช.พ.ค. ประกอบด้วย
1.นายเกษม กลั่นยิ่ง
2.นายสุรเดช พรหมโชติ
3.นายสมศักดิ์ ตาไชย
รวม 63 รายการ เป็นเงิน 32 ล้านบาท หุ้นบริษัท สัญญาประกันภัย จำกัด (มหาชน)ของนายสัมฤทธิ์ จำนวน 712,758 หุ้น มูลค่า 71 ล้านบาท นอกจากนี้ยังยับยั้งการทำธุรกรรมไว้ชั่วคราว 10 วัน ในส่วนของบัญชีสโมสรฟุตบอลโล่เงิน จำกัด (เพื่อนตำรวจ) และบริษัท สัญญาประกันภัยฯ 33 บัญชี เป็นเงิน 43 ล้านบาท
เลขาธิการปปง. กล่าวอีกว่า ในส่วนของสโมสรฟุตบอลเพื่อนตำรวจ ปปง.ได้หารือกับพล.ต.อ.สมยศ พุ่มพันธ์ม่วง ผู้บัญชาการตำรวจแห่งชาติ (ผบ.ตร.).แล้ว โดยผบ.ตร.ระบุให้ตรวจสอบไปตามหน้าที่ ทรัพย์ที่ยึดและอายัดได้ขณะนี้แม้จะมีเพียงหลักร้อยล้านบาทขณะที่ความเสียหายมีมากถึง 2,500 บาท ยืนยันว่าปปง.จะเร่งติดตามทรัพย์เพิ่มที่ยึดและอายัดไว้กว่า 183 ล้านบาท เป็นเพียงทรัพย์ที่เห็นได้จากธุรกรรมเท่านั้น แต่ยังมีทรัพย์อีกจำนวนมากที่ซุกซ่อนไว้ ซึ่งจากการทำแผนผังเส้นทางการเงินจะพบว่ามีการถอนเงินออกไปเป็นทอด ครั้งละหลายล้านบาท เช่น ภายในวันเดียวมีการถอนเงินออกมากถึง 120 ล้านบาท ทั้งนี้ ปปง.จะส่งข้อมูลที่ได้จากการตรวจสอบทั้งหมดไปให้พนักงานสอบสวนกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) สอบสวนความผิดอาญา
“เงินส่วนใหญ่ที่สกสค.โอนให้กับบริษัท บิลเลี่ยนฯ ไหลออกไปหมดแล้ว ปปง.จะเร่งติดตามว่าไหลไปอยู่ที่กลุ่มใดบ้าง กรณีดังกล่าวมีพิรุธที่เห็นได้ชัดตั้งแต่เริ่มโครงการเนื่องจากสกสค. โอนเงินล็อตใหญ่ 2,100 ล้านบาทให้บริษัท บิลเลี่ยนฯทั้งที่ยังไม่เริ่มดำเนินการ คล้ายเป็นการโกงโดยตรง ไม่ใช่การทำนิติกรรมอำพราง เพราะเอกสารหลักฐานที่นำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันเป็นหลักฐานที่ปลอมขึ้นทั้งหมด” พ.ต.อ.สีหนาทกล่าว
เลขาธิการปปง. ปฏิเสธกรณีที่มีการระบุว่ามีเงินจากสกสค.บางส่วนเกี่ยวข้องกับสหกรณ์เครดิตยูเนี่ยนคลองจั่น จำกัด เพราะไม่พบหลักฐานกระแสการเงิน เชื่อว่าน่ามีความพยายามที่จะนำเงินที่ไปไว้ที่สหกรณ์คลองจั่น" แต่ในช่วงปี 2555-2556สหกรณ์คลองจั่นฯเริ่มมีปัญหาทำให้โยกเงินไม่สำเร็จ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ กรุงเทพธุรกิจ วันที่ 5 มิถุนายน 2558