"สมศักดิ์"แอบแก้ฐานะเป็นประธานบอร์ด "กองทุนช.พ.ค."เพิ่มอายุดำรงตำแหน่งจาก 4 เป็น 6 ปี/ดีเอสไอสังเกตแบงก์อาจมีเอี่ยว
ดีเอสไอเตรียมส่งเรื่องทุจริต สกสค.ให้ ป.ป.ช.ฟัน ขรก. เผย "สมศักดิ์" แอบแก้ไขระเบียบไม่ชอบด้วย กม. เปลี่ยนฐานะตนเองจากเลขาฯ สกสค.มาเป็นประธานบอร์ดกองทุน ช.พ.ค. มีผลเพิ่มอายุดำรงตำแหน่งจาก 4 ปีเป็น 6 ปี รองอธิบดีดีเอสไอตั้งข้อสังเกตเบิก "สัมฤทธิ์" เบิกถอนเงินภายในวันเดียว ผิดระเบียบแบงก์ ธนาคารมีเอี่ยวหรือไม่
จากกรณีที่ พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะประธานกรรมการศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ได้ส่งเรื่องให้กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) ตรวจสอบสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กรณีนำเงินจากกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษและส่งเสริมความมั่นคงตามโครงการสวัสดิการเงินกู้ กองทุนฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) ปล่อยกู้ให้กับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด
เมื่อเวลา 10.00 น. ที่กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) พ.ต.ท.พงศ์อินทร์ อินทรขาว รองอธิบดีดีเอสไอ กล่าวว่า จากการตรวจสอบพบว่าเมื่อช่วงเดือน มิ.ย.2554 เลขาธิการคณะกรรมการ สกสค.ในขณะนั้นได้มีการยกเลิกระเบียบ สกสค.ว่าด้วยเรื่องกองทุนส่งเสริมความมั่นคงตามโครงสร้างสวัสดิการเงินกู้สำหรับสมาชิก ช.พ.ค. พ.ศ.2549, ระเบียบ สกสค.ว่าด้วยกองทุนเงินสนับสนุนพิเศษโครงการสวัสดิการเงินกู้ ช.พ.ค. พ.ศ.2551 และฉบับแก้ไขเพิ่มเติม (พ.ศ.2552) เพื่อออกระเบียบ สกสค.ว่าด้วยเงินกองทุน ช.พ.ค. 2554 โดยไม่ชอบด้วยกฎหมาย เนื่องจากมีการแก้ไขประธานคณะกรรมการบริหารกองทุน ซึ่งเดิมคือเลขาธิการคณะกรรมการ สกสค. เป็นประธานคณะกรรมการกองทุนที่มาจากการสรรหาของคณะกรรมการ ช.พ.ค. โดยมีการกำหนดวาระการดำรงตำแหน่งจากเดิม 4 ปี เป็น 6 ปี ซึ่งเป็นการดำรงตำแหน่งนานกว่าเลขาธิการ สกสค. ดังนั้นจึงเป็นการออกระเบียบที่ขัดกับระเบียบที่ขัดต่อ พ.ร.บ.สภาครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2546
นอกจากนี้ เมื่อเดือน เม.ย.2556 บริษัท บิลเลี่ยนฯ ได้เสนอโครงการโดยร่วมกับโครงการเทอดไท้องค์ราชัน ร่วมร้อยดวงใจ ถวายพ่อของแผ่นดิน โดยประสงค์ให้กองทุน ช.พ.ค.ซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินจากบริษัท บิลเลี่ยนฯ ในอัตราดอกเบี้ยร้อยละ 7 ต่อปี ระยะเวลา 1 ปี 1 วัน ต่อมา ช.พ.ค.ได้มีการซื้อตั๋วสัญญาจากบริษัท 3 ครั้ง ครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 10 มิ.ย.2556 จำนวน 500 ล้านบาท โดยมีธนาคารแลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เป็นผู้รับประกัน ครั้งที่ 2 เมื่อวันที่ 27 ธ.ค.2556 จำนวน 2,100 ล้านบาท และครั้งที่ 3 วันที่ 1 ส.ค.2557 จำนวน 400 ล้านบาท ซึ่งทั้ง 2 ครั้งหลังนี้ไม่มีการรับประกันตั๋วสัญญาใช้เงินจากธนาคารแต่อย่างใด
อย่างไรก็ตาม ระเบียบ พ.ร.บ.สภาครูฯ ได้กำหนดไว้ว่า การจะร่วมลงทุนใดๆ สามารถทำได้ แต่จะต้องได้รับความเห็นชอบจาก สกสค. ซึ่งการปล่อยกู้ทั้ง 3 ครั้งนี้ ไม่มีหลักฐานใดยืนยันว่าได้รับการอนุมัติจาก สกสค. และตามระเบียบว่าด้วยข้อบังคับคณะกรรมการ สกสค.ว่าด้วยการเงิน การบัญชี ทรัพย์สิน และงบประมาณ พ.ศ.2547 ข้อ 9 (5) ซึ่งระบุชัดเจนว่าต้องมีการค้ำประกันจากธนาคารที่น่าเชื่อถือ ทั้งนี้ การปล่อยเงินกู้จำนวน 400 ล้านบาท และ 2,100 ล้านบาท ก็ไม่มีการค้ำประกันจากธนาคารแต่อย่างใด
รองอธิบดีดีเอสไอกล่าวอีกว่า สำหรับการโอนเงิน 600 ล้าน จากจำนวน 2,100 ล้านบาท โดยโอนให้กับบริษัท บิลเลี่ยนฯ จำนวน 2 ครั้ง วงเงิน 440 ล้านบาท ให้นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา 1 ครั้ง จำนวน 40 ล้านบาท และมีการถอนเป็นเงินสดอีกจำนวน 120 ล้านบาท ภายในวันเดียวกัน คือวันที่ 27 ธ.ค.2556 ทางพนักงานสอบสวนได้ตั้งข้อสังเกตว่าอาจมีการตกลงกันล่วงหน้ากับธนาคารหรือไม่ เนื่องจากการทำธุรกรรมดังกล่าวทำหลังจากการอนุมัติเพียง 1 วัน และการเบิกเงินจำนวนมากจะต้องประสานธนาคารอย่างน้อง 1 วันขึ้นไป เพื่อให้ทางธนาคารทำเรื่องขอเบิกเงินไว้ก่อนล่วงหน้า
พ.ต.ท.พงศ์อินทร์กล่าวอีกว่า จากการตรวจสอบข้อมูลหลักทรัพย์ที่บริษัท บิลเลี่ยนฯ นำมาค้ำประกัน เบื้องต้นมี 7 รายการ พบว่า
1.ตั๋วแลกเงิน (ดราฟต์) ธนาคารฮ่องกงและเซี่ยงไฮ้ เลขที่ 33603330 ลงวันที่ 30 มิถุนายน 2557 จำนวน 100,000,000 ดอลลาร์สหรัฐ ได้มีการตรวจสอบกับธนาคาร HSBC แล้ว ได้รับการยืนยันว่าเป็นเอกสารปลอม
2.ใบค้ำประกันของธนาคารสแตนดาร์ดชาร์เตอร์ด (ไทย) จำกัด (มหาชน) จำนวน 3 ฉบับ ได้มีการตรวจสอบกับธนาคารในเบื้องต้นแล้วได้รับคำตอบว่า น่าเชื่อว่าเป็นเอกสารปลอม เนื่องจากรูปแบบเอกสารผิดไปจากรูปแบบมาตรฐานของธนาคาร ขณะนี้อยู่ระหว่างการตรวจสอบรายละเอียดบางส่วนในเอกสารเพิ่มเติม
3.ใบหุ้นสโมสร THE READING FOOTBALL CLUB เลขที่ RFC000168 มูลค่า 50 ล้านปอนด์ ได้มีการตรวจสอบเบื้องต้นแล้วพบข้อมูลว่า นายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ไม่ได้เป็นผู้ถือหุ้นของสโมสรเรดดิ้งแต่อย่างใด
4.เงินสกุลดีนา (โครเอเชีย) จำนวน 950,000,000 HRK (เก้าร้อยห้าสิบล้านเหรียญโครเอเชีย) จากการตรวจสอบในเบื้องต้นได้รับทราบข้อมูลว่า ธนบัตรทั้งหมดน่าจะเป็นของจริง แต่เป็นธนบัตรที่มีการยกเลิกการใช้แล้ว ต้องทำการตรวจสอบเพิ่มเติมไปทางประเทศโครเอเชียว่ายังสามารถนำไปแลกคืนได้หรือไม่ และมีมูลค่าปัจจุบันจำนวนเท่าใด
5.โฉนดที่ดิน จำนวน 33 แปลง และ น.ส.3 จำนวน 16 แปลง ในพื้นที่อำเภอหนองหญ้าปล้อง จังหวัดเพชรบุรี พบว่ามีใบประเมินราคาจากกรมที่ดินว่ามีมูลค่าประเมิน 37 ล้านบาท โดยอยู่ระหว่างการตรวจสอบความถูกต้องของเอกสารทั้งหมด รวมถึงมูลค่าที่แท้จริงในปัจจุบัน
6.เช็คธนาคารแลนด์แอนด์เฮ้าส์ จำกัด (มหาชน) เลขที่ 0482284 ลงวันที่ 28 ธันวาคม 2557 มูลค่า 2,100 ล้านบาท อยู่ระหว่างการตรวจสอบ และ 7.สัญญาค้ำประกันตนเองของนายสัมฤทธิ์ บัณฑิตกฤษดา ต้องมีการสอบปากคำนายสัมฤทธิ์ในประเด็นการจัดทำเอกสารฉบับนี้ต่อไป
"การดำเนินการของอดีตผู้บริหาร สกสค. และคณะกรรมการบริหารกองทุนที่เกี่ยวข้องกับการอนุมัติ และร่วมดำเนินการซื้อตั๋วสัญญาใช้เงินกับบริษัท บิลเลี่ยนฯ จึงเป็นการปฏิบัติหน้าที่หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบด้วยกฎหมายตามมาตรา 123/1 ประกอบมาตรา 4" รองอธิบดีดีเอสไอกล่าว.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 5 มิถุนายน 2558