ชำแหละ หนี้ครู
ผลที่สืบเนื่องจากคำสั่ง คสช ที่ 7/2558 ที่ประกาศในราชกิจจานุเบกษา ไปเมื่อวันที่ 17 เมษายน 2558 ที่ผ่านมา เรื่อง ให้กรรมการคุรุสภาและคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.)พ้นจากตำแหน่ง พร้อมทั้งให้มีการตรวจสอบการบริหารจัดการภายใน ซึ่งล่าสุด กระทรวงศึกษาธิการ ลงนามเลิกจ้างอดีตเลขาธิการ สกสค.แล้ว
โดยคำสั่งนี้ให้บุคคลพ้นจากตำแหน่งพ้นจากตำแหน่งและบอร์ดใน สกสค. ดังนี้ กรรมการคุรุสภา กรรมการ สกสค. กรรมการองค์การค้าของ สกสค. แล้วแต่งตั้งกรรมการชุดใหม่ขึ้นทำหน้าที่แทนเป็นการชั่วคราว ซึ่งประกอบด้วย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เลขาธิการสภาการศึกษา เลขาธิการ สพฐ. เลขาธิการการอุดมศึกษา เลขาธิการคณะกรรมการอาชีวศึกษา เลขาธิการ ก.ค. ผอ.สำนักงานบริหารการศึกษาเอกชน และหัวหน้าสำนักงานมาตรฐานการบริหารงานบุคคลท้องถิ่น
ซึ่งระหว่างนี้ให้ตั้งกรรมการผู้เกี่ยวข้องเข้าไปตรวจสอบการบริหารกองทุน สกสค.ที่ถูกร้องเรียนด้วยว่า มีการใช้จ่ายเงินผิดวัตถุประสงค์หรือไม่
ล่าสุดรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ ได้ลงนามสัญญาเลิกจ้างนายสมศักดิ์ ตาไชย อดีตเลขาธิการ สกสค. แล้วตั้งแต่วันที่ 29 พฤษภาคม ที่ผ่านมา ซึ่งมีผลให้รองเลขาธิการ สกสค.ทั้ง 4 คน พ้นจากตำแหน่งในคราวเดียวกันด้วย ซึ่งวันเดียวกันนั้น รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยว่า ที่ประชุม สกสค.มีมติแต่งตั้งคณะกรรมการตรวจสอบความเสียหายที่เกิดขึ้นเพื่อหาผู้กระทำความผิด ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่ามีมูลค่าความเสียหายประมาณ 6-7 พันล้านบาท จากทรัพย์สินทั้งหมดประมาณ 1 หมื่นล้านบาท
นอกจากนี้ยังขอให้ สกสค.ตรวจสอบทรัพย์สิน ที่เคยมอบให้แก่อดีตผู้บริหารกองทุนและอดีตที่ปรึกษา สกสค. ที่มีทั้งรถประจำตำแหน่ง โทรศัพท์มือถือไอโฟน 6 รวมถึงกรณีที่ออกระเบียบให้กรรมการ สกสค.ชุดเก่ายืมเงินออกไปจำนวนมากด้วย ทั้งให้ฝ่ายกฎหมายดำเนินการเรื่องหลักทรัพย์ที่ บ.บิลเลี่ยนฯ นำมาค้ำประกันเงินกู้จำนวน 2,500 ล้านบาทด้วยว่า จะดำเนินการทางกฎหมายได้หรือไม่
นายสงกานต์ อัจฉริยทรัพย์ เปิดเผยว่า นอกจากนี้ ครูระดับผู้อำนวยการโรงเรียนเข้าไปมีส่วนได้เสีย นำรถยนต์พาหนะของแบงก์ที่ซื้อให้ใช้โดยเฉพาะด้วย