กลายเป็นเรื่องใหญ่ เมื่อครูสอนภาษาสาวขู่แอร์โฮสเตส มีน้ำที่ใช้ทำระเบิดได้อยู่ใต้ท้องเครื่อง เป็นเหตุให้กัปตันต้องหยุดการขึ้นบิน ก่อนประสานอีโอดีมาค้นแต่ไม่พบ ที่แท้แค่ไม่พอใจเจ้าหน้าที่เลยแกล้งเล่น
เมื่อวันที่ 22 พ.ค. เจ้าหน้าที่ศูนย์ควบคุมความปลอดภัยท่าอากาศยานภูเก็ต ได้รับแจ้งจากสายการบิน "แอร์เอเซีย" เที่ยวบินที่ FD 3002 ที่จะเดินทางจากสนามบินนานาชาติภูเก็ตไปสนามบินดอนเมือง ว่า ถูกผู้โดยสารขู่อ้างว่ามีวัตถุระเบิดอยู่บนเครื่อง จึงรีบนำกำลังรุดไปตรวจสอบ พบสายการบินดังกล่าวได้เดินเครื่องกำลังจะขึ้นบินแล้ว จึงสั่งให้เจ้าหน้าที่บนเครื่อง 6 คน และผู้โดยสารอีก 141 คน ลงมาจากเครื่องบินก่อนจากนั้นชุดอีโอดีได้ลุยค้นสัมภาระใต้ท้องเครื่องแต่ไม่พบวัตถุต้องสงสัยใดๆ
จากนั้นเจ้าหน้าที่ได้เชิญตัวหญิงสาวที่เป็นคนพูดขู่มาสอบปากคำ ทราบชื่อคือ น.ส.ผึ้ง (นามสมมุติ) อายุ 38 ปี ซึ่งมีอาชีพเป็นครูสอนภาษาในโรงเรียนแห่งหนึ่งของ จ.ภูเก็ต โดยก่อนเกิดเหตุ น.ส.ผึ้ง มีอาการไม่พอใจเจ้าหน้าที่ตรวค้นของสายการบิน เนื่องจากมีการตรวจเข้มงวดเรื่องการนำน้ำดื่มขึ้นไปบนเครื่องจนเจ้าตัวควบคุมอารมณ์ไม่อยู่ กระทั่งพอขึ้นไปนั่งบนเครื่องได้จึงแกล้งพูดกับแอร์โฮสเตสว่า "น้ำ..สามารถทำระเบิดได้ ในกระเป๋าที่โหลดใต้เครื่องยังมีอีก 2 ขวด" เป็นเหตุทำให้ต้องรีบแจ้งกัปตัน เพื่อดำเนินการตามขั้นตอนสากล
ต่อมา เจ้าหน้าที่ได้ควบคุมตัว น.ส.ผึ้ง ไปแจ้งความที่ สภ.ท่าฉัตรไชย เพื่อแจ้งข้อหา กระทำการด้วยการใดๆที่ก่อให้เกิดความวุ่นวายในอากาศยาน และ แจ้งข่าวสารที่รู้อยู่ว่าเป็นเท็จเป็นเหตุให้ผู้ที่อยู่ในท่าอากาศยานตื่นตกใจ มีโทษจำคุก 5 ปี ปรับ 2 แสนบาท โดย น.ส.ผึ้ง ได้ให้การปฏิเสธทุกข้อ และอยู่ระหว่างติดต่อญาติมาประกันตัว ทั้งนี้สำหรับสายการบินดังกล่าวหลังจากไม่พบสิ่งอันตรายก็สามารถนำเครื่องขึ้นบินได้ตามปกติ แต่ต้องเสียเวลาไปนานกว่า 2 ชม
ข่าวนี้ถือเป็นอุทาหรณ์สำหรับทุกท่าน ไม่ควรที่จะไปพูดทำเป็นเรื่องเล่นๆ ที่ทำให้คนอื่นต้องเดือดร้อน ไม่ว่าจะเจอสถานการณ์ใดๆ ก็ตาม นั่นเพราะเป็นไปตามกฎ ระเบียบ ของสนามบินที่ผู้โดยสารทุกคนต้องทราบและปฏิบัติตามอยู่แล้ว
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ หนังสือพิมพ์เดลินิวส์ วันที่ 22 พฤษภาคม 2558