เปิดผลโพลรับเปิดเทอม ผู้ปกครองจำนวนมากเห็นว่าโรงเรียนแต่ละแห่งมีความเหลื่อมล้ำและเป้นธุรกิจ ผงะ!ครูปัจจุบันมีทั้งดีไม่ดีและพบว่าครูในอดีตมีความเป็นครูมากกว่าปัจจุบัน กังวลเรื่องเด็กติดเกม-ค่าเล่าเรียนสูงขึ้น
เมื่อวันที่ 17 พฤษภาคม “สวนดุสิตโพล” มหาวิทยาลัยราชภัฏสวนดุสิต ได้เผยแพร่ผลการสำรวจความคิดเห็นของผู้ปกครองที่มีบุตรหลานในวัยเรียนทั่วประเทศ จำนวน 1,122 คน ระหว่างวันที่ 12-16 พฤษภาคม ในหัวข้อ “เสียงจากผู้ปกครองวันเปิดเทอม” มีผลสำรวจที่น่าสนใจในหลายประเด็น
อาทิ ความคิดเห็นของผู้ปกครองต่อโรงเรียน พบว่า80.40% เห็นเป็นเหมือนบ้านหลังที่ 2 คอยดูแลอบรมสั่งสอนเด็กให้มีความรู้ แต่ก็พบว่าผู้ปกครองเห็นว่าแต่ละโรงเรียนมีความเหลื่อมล้ำ มาตรฐานแตกต่างกัน ไม่เท่าเทียมสูงถึง74.33% และสูงถึง71.12% ที่ผู้ปกครองเห็นว่าโรงเรียนปัจจุบัน เป็นธุรกิจวิชาการ ให้ความสำคัญกับเรื่องเงินมากเกินไป
ในความคิดเห็นของผู้ปกครอง ต่อหลักสูตรการจัดการเรียนการสอน พบว่า อันดับ 1 มีความเป็นสากล พร้อมเข้าสู่อาเซียน และสามารถแข่งขันกับประเทศอื่นๆ ได้77.27% อันดับ 2สอดแทรกเนื้อหาเกี่ยวกับคุณธรรม จริยธรรม ความเป็นไทย และศาสนา 73.26% อันดับ 3 สอนให้เด็กรู้จักคิดวิเคราะห์มากกว่าท่องจำ เน้นการปฏิบัติจริง มีกิจกรรมให้ทำร่วมกัน 67.11%
ที่น่ากังวลคือความคิดเห็นของผู้ปกครองต่อครู นั้น พบว่า
• อันดับ 1 ถึง75.40% ที่ระบุว่าครูมีทั้งดีและไม่ดี ครูในอดีตมีความเป็นครูมากกว่าปัจจุบัน
• อันดับ 2มีภาระงานมาก ต้องทำงานเอกสาร ไม่มีเวลาดูแลเด็กได้เต็มที่ 66.58%
• อันดับ 3 ควรเป็นแบบอย่างที่ดี เป็นที่ปรึกษาให้คำแนะนำกับเด็กได้ เป็นต้น
สำนักโพลยังได้ถามถึงสิ่งที่ผู้ปกครองกังวลต่อการศึกษาไทย ณ วันนี้ พบว่า อันดับ 1 เด็กอ่านไม่ออก เขียนไม่ได้ ติดเกม ติดเทคโนโลยี ไม่สนใจการเรียน 72.19% อันดับ 2 การศึกษาไทยล้าหลังกว่าประเทศอื่นๆ ยังไม่พัฒนาเท่าที่ควร 70.32% อันดับ 3 มีความเหลื่อมล้ำทางการศึกษา คุณภาพไม่เท่าเทียมกัน 68.98% อันดับ 4ใช้งบประมาณเพื่อการศึกษาจำนวนมาก ทำให้เกิดการทุจริตคอรัปชั่น ไม่โปร่งใส 63.73%อันดับ 5 มีชั่วโมงเรียนมากเกินไป เน้นการสอบวัดผล ต้องไปเรียนพิเศษกวดวิชาเพิ่ม 56.68%
นอกจากนี้ สิ่งที่ผู้ปกครองกังวลในช่วงเปิดเทอม คือ อันดับ 1 ค่าใช้จ่ายเกี่ยวกับการเล่าเรียนสูงขึ้น เช่น ค่าเทอม ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียน 83.50% อันดับ 2 การเตรียมพร้อมของเด็ก เช่น การตื่นนอน การปรับตัว การคบเพื่อน อาหารการกิน 76.47% อันดับ 3 พฤติกรรมของครู การสอน การลงโทษเด็ก66.31% อันดับ 4การเดินทางไปเรียนของบุตรหลาน การจราจร อุบัติเหตุ ความปลอดภัย65.51% อันดับ 5บรรยากาศและสภาพแวดล้อมในโรงเรียน อาคารเรียน สถานที่เรียน62.83%
ส่วนข้อเสนอแนะของผู้ปกครองที่ต้องการให้รัฐบาลช่วยเหลือบุตรหลานเรื่องการศึกษานั้นพบว่าอันดับ 1 ให้การสนับสนุนด้านทุนการศึกษา ทุนเรียนฟรี สำหรับเด็กด้อยโอกาส เรียนดี ยากจน 70.59%อันดับ 2 ให้ความสำคัญและสนใจแก้ไขปัญหาการศึกษาของเด็กอย่างจริงจัง 69.25%อันดับ 3 ดูแลตรวจสอบและพัฒนาทุกโรงเรียนให้มีคุณภาพและได้มาตรฐานเดียวกัน 67.65% อันดับ 4 กำหนดหลักสูตรการเรียนการสอนที่เหมาะสมกับเด็กแต่ละวัย 59.09% อันดับ 5 ผลิตครูดีมีความรู้ความสามารถ มีบทลงโทษครูที่มีพฤติกรรมไม่เหมาะสม 47.59%
อีกคำถามผู้ปกครองคิดว่า “การจัดการศึกษาของชาติ” ควรทำอย่างไร พบว่า
• อันดับ 1 กระทรวงศึกษาธิการต้องมีนโยบายที่ต่อเนื่อง แก้ปัญหาตรงจุด ทำงานรวดเร็วมีประสิทธิภาพ 68.45%
• อันดับ 2 เน้นเรื่องการปลูกฝังคุณธรรมจริยธรรม ความรักความสามัคคี เป็นคนดีของสังคม 63.10%
• อันดับ 3 เน้นเด็กเป็นศูนย์กลางอย่างแท้จริง พัฒนาทักษะการเรียนรู้และการใช้ชีวิต 58.82%
• อันดับ 4 ให้ทุกภาคส่วนได้มีส่วนร่วมกำหนดทิศทางในการจัดการศึกษา เปิดรับฟังความคิดเห็น 54.01%
• อันดับ 5 พัฒนาครู บุคลากรทางการศึกษาให้มีความรู้ทางวิชาการ มีทักษะด้านภาษาและเทคโนโลยี 45.99%.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 17 พฤษภาคม 2558