สกสค.กับความจริง
บทนำมติชน
พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา หัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ หรือ คสช. ใช้อำนาจตามมาตรา 44 รัฐธรรมนูญชั่วคราว โยกย้ายข้าราชการระดับสูงของกระทรวงศึกษาธิการ และพักงานคณะกรรมการชุดสำคัญของกระทรวงศึกษาธิการ ซึ่ง 1 ใน 3 ชุดที่มีการตรวจสอบคือ สำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา หรือ สกสค. ต่อมาคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้ตรวจสอบ สกสค. พบว่าเงินสดและทรัพย์สินในตู้นิรภัยที่อยู่ภายในห้องผู้บริหาร 2 คน มีเงินสดต่างประเทศและทรัพย์สินอื่นมูลค่า 2 พันล้านบาท และจากการตรวจสอบพบว่า ทรัพย์สินดังกล่าวประกอบด้วยเงินสกุล "คูนา" ซึ่งเป็นสกุลเงินของสาธารณรัฐโครเอเชีย มีมูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท และมีโฉนดที่ดินอีกหลายฉบับ รวมมูลค่ามากกว่า 2,100 ล้านบาท
หลังจากตรวจพบ พล.ร.อ.ณรงค์สั่งให้สอบสวนหาสาเหตุ ซึ่งนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. เปิดเผยว่า ได้เชิญผู้บริหาร สกสค. 2 คน ที่เป็นเจ้าของห้องทำงานที่พบตู้นิรภัยและเงินมาสอบถาม ทราบเพียงว่าทรัพย์สินทั้งหมดเป็นของบริษัทบิลเลี่ยนฯ นำมามอบให้เพื่อค้ำประกันเงินที่ สกสค.นำไปลงทุนโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ส่วนรายละเอียดอื่นๆ ไม่มีใครแสดงความจริงออกมา จึงทำให้การพบเงินในตู้นิรภัยดังกล่าวกลายเป็นภาพลบ
ดังนั้น ในช่วงเวลาที่ไม่น่าจะสายเกินไป จำเป็นต้องเปิดเผยความจริงออกมา เพื่อให้ทุกคนรู้ความเป็นมา ไม่ว่าจะเป็นที่มาที่ไปของ สกสค. ที่ไปพัวพันกับโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ซึ่งกำลังตกเป็นข่าวอยู่ หรือความขัดแย้งระหว่างผู้บริหาร สกสค.กับบุคคลภายนอกจนกระทั่งมีปัญหาเป็นคดีความ หรือแม้กระทั่งการตรวจสอบล่าสุดที่พบทรัพย์สินและเงินสดอยู่ในตู้นิรภัย ก็สมควรได้ชี้แจงแถลงความจริงให้รับทราบ เพื่อให้ทุกฝ่ายที่ไม่รู้เรื่องภายในยังคงเกิดความเชื่อมั่นใน สกสค. และมั่นใจมาตรฐานการบริหารของ สกสค.ว่าเป็นไปตามหลักธรรมาภิบาล ณ เวลานี้ สกสค.กำลังเผชิญหน้ากับข้อกล่าวหา และสิ่งที่จะปกป้องให้ สกสค.ผ่านพ้นช่วงนี้ไปได้ดีที่สุดก็คือการบอกความจริง
ที่มา มติชน วันที่ 12 พฤษภาคม พ.ศ. 2558