ป.ป.ช. เรียกสอบ 3 ผอ.สกสค. แจงข้อมูลปม 2,100 ล้าน ระบบ เบิกจ่ายเงิน และกองทุน ช.พ.ค.- ช.พ.ส. “พินิจศักดิ์” กำชับทุกคนให้ความร่วมมือ คตร. ศอตช. จี้ กก.สอบสวนข้อเท็จจริงเร่งสรุปข้อมูลรายงานบอร์ด สกสค. 15 พ.ค. นี้ ด้าน รมว.ศึกษาฯ เผยสั่งให้ทำหนังสือถึง “สมศักดิ์” ชี้แจงข้อมูลที่ต้องการ ระบุหากหนังสือที่ตอบกลับยังไม่เคลียร์อาจเชิญเจ้าตัวมาคุย
วันนี้ (11 พ.ค.) นายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) กล่าวว่า ตน ได้เชิญผู้บริหาร สกสค. และผู้เกี่ยวข้องมาประชุมพร้อมกำชับให้ความร่วมมือกับ คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) และศูนย์อำนวยการต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) รวมถึงคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงที่ตนตั้งขึ้นเพื่อตรวจสอบข้อเท็จจริงใน การติดตามและตรวจสอบทรัพย์สินที่ถูกตรวจพบอยู่ในเซฟ ซึ่งถูกระบุว่าอยู่ในห้องของรองเลขาธิการ 1 คน และระดับผู้อำนวยการสำนัก 1 คน โดยกำชับให้ทางคณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริง เร่งตรวจสอบที่มาที่ไปของเงินและโฉนดที่ดินรวมไปถึงทรัพย์สินอื่นๆ ที่พบจำนวน 6 รายการ คือ 1. เงินสกุลคูนา มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านคูนา 2. เช็คเงินสด จำนวน 2,100 ล้านบาท 3. ดราฟเช็ค หรือตั๋วแลกเงิน ประมาณ 100 ล้านเหรียญสหรัฐฯ 4. โฉนดที่ดิน จ.เพชรบุรี ราคาประเมินประมาณ 30 ล้านบาท 5. หนังสือสัญญาค้ำประกันตัวเอง และ 6.หุ้นสโมสรฟุตบอล ที่ประเทศอังกฤษ
ทั้งนี้ ในส่วนของเช็คเงินสดก็จะต้องไปตรวจสอบดูว่าสามารถขึ้นเงินได้หรือไม่ หรือขึ้นเงินไปแล้ว กลายเป็นเช็คเด้งก็ต้องมาว่ากันตามกระบวนการทางกฎหมาย ขณะเดียวกัน ตนได้กำชับให้คณะกรรมการสอบสวนข้อเท็จจริงตรวจสอบข้อมูลให้ได้มากที่สุด เพื่อประมวลผลก่อนเสนอให้คณะกรรมการ สกสค. ที่มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เป็นประธานพิจารณา ในวันที่ 15 พฤษภาคม ส่วน คณะกรรมการ สกสค. จะตัดสินใจอย่างไร ตนคงไม่สามารถก้าวล่วงได้ เพราะเป็นอำนาจของคณะกรรมการ สกสค. นอกจากนี้ รมว.ศึกษาธิการ และปลัด ศธ. ได้สั่งการให้ตรวจสอบกล้องวงจรปิด ที่มีอยู่ภายในสำนักงาน สกสค. หอพัก สถานพยาบาลของ สกสค. และอาคารหอพัก สกสค. ว่า มีทั้งหมดกี่ตัว อยู่ในจุดใดบ้าง ที่สำคัญสามารถใช้งานได้จริงหรือไม่ เพราะหากเกิดปัญหาขึ้นแล้วกล้องไม่สามารถใช้งานได้จะต้องมีเจ้าหน้าที่ที่ต้องรับผิดชอบ
นายพินิจศักดิ์ กล่าวต่อว่า ส่วนการตรวจสอบของหน่วยงานอื่นๆ นั้น ขณะนี้ทางคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ได้ทำหนังสือขอความร่วมมือมายัง สกสค. เพื่อให้เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบในส่วนต่างๆ เข้าให้ข้อมูล ข้อเท็จจริงรวมทั้งรายงานเอกสารหลักฐานต่างๆ ต่อ ป.ป.ช. เบื้องต้นทราบว่า ได้แจ้งให้เจ้าหน้าที่ เข้าให้ข้อมูลแล้วในวันที่ 11 พฤษภาคม จำนวน 3 ราย ได้แก่ นางอำนวยพร วัฒนารมย์ ผู้อำนวยสำนักการคลัง ชี้แจงข้อมูลเรื่องการระบบการเบิกจ่ายงบประมาณ นายพรเทพ มุสิกวัตร ผู้ อำนวยการสำนักกฎหมายและคุ้มครองสิทธิครู สอบถามเกี่ยวกับเรื่องการทำสัญญาข้อกฎหมายต่างๆ โดยเฉพาะกรณีเงินที่ไปลงทุนกับบริษัทบิลเลี่ยน อินโนเวเท็ต กรุ๊ป จำกัดในโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อำเภอหนองหญ้าป้อง จังหวัดเพชรบุรี พื้นที่ 1,200 ไร่ จำนวน 2,100 ล้านบาท และ นายสุเทพ ริยาพันธ์ ผู้อำนวยการสำนักกิจการกองทุน ช.พ.ค.- ช.พ.ส. เกี่ยวกับนำเงินไปร่วมลงทุนเช่นเดียวกัน ซึ่งตนก็ได้กำชับทั้ง 3 คนให้ความร่วมมือเต็มที่เรื่องใดที่เป็นที่สงสัยของสังคมก็ต้องทำให้เกิดกระจ่าง
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะเชิญผู้เกี่ยวข้อง ทั้ง นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. ซึ่งอยู่ระหว่างพักการปฏิบัติหน้าที่รวมถึงผู้เกี่ยวข้องรายอื่นๆ มาให้ข้อมูลเมื่อไร นายพินิจศักดิ์ กล่าวว่า เรื่องนี้ขึ้นอยู่กับทางคณะกรรมการสอบสวนฯ ว่า จะเชิญมาให้ข้อมูลเมื่อไร ส่วนกรณีการทุจริตการก่อสร้างอาคารพัฒนาครู และบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จำนวน 360 ล้านบาท ซึ่งผลการสืบข้อเท็จจริงพบว่ามีมูลนั้น ตนก็ไม่สามารถพูดอะไรได้เช่นกัน เพราะผลการตรวจสอบได้ส่งให้ รมว.ศึกษาธิการ เรียบร้อยแล้ว ทราบว่า รมว.ศึกษาธิการ ให้ฝ่ายกฎหมายดูว่าสามารถเลิกจ้างได้หรือไม่ โดยในข้อกฎหมายเองก็ระบุไว้ว่าจะสามารถยกเลิกสัญญาเลิกจ้างได้ในกรณีใดบ้าง ซึ่งเรื่องนี้ต้องขึ้นอยู่กับการพิจารณาของคณะกรรมการ สกสค.
ด้าน พล.ร.อ.ณรงค์ กล่าวว่า ในการประชุมคณะกรรมการ สกสค. ที่ผ่านมานั้น ตนได้มอบหมายให้ ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ทำหนังสือไปถึง นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. เพื่อให้ชี้แจงบางประเด็นที่ต้องการทราบเพิ่มเติม อาทิ กรณีนำเงิน ช.พ.ค. มูลค่า 2,100 ล้านบาทไปลงทุน หลักทรัพย์ที่ใช้ค้ำประกัน เป็นต้น โดยเบื้องต้นขอให้ นายสมศักดิ์ ส่งหนังสือกลับมาภายในวันที่ 8 พฤษภาคม ซึ่งขณะนี้ตนยังไม่ได้รับรายงานจากนายพินิจศักดิ์ ว่า ได้รับหนังสือตอบกลับมาหรือยัง ซึ่งจะต้องรอดูคำชี้แจงว่ามีความชัดเจน ครบถ้วนตามประเด็นที่ได้ถามไปหรือไม่ หากไม่ชัดเจนอาจจะต้องเชิญ นายสมศักดิ์ มาชี้แจงด้วยตนเอง ทั้งนี้ ในส่วนของ ศธ. ไม่ได้นิ่งนอนใจในการดำเนินการตรวจสอบปัญหาต่างๆ ของ สกสค. แต่เพราะเวลานี้มีหลายหน่วยงานเข้ามาทำการตรวจสอบอยู่ ก็จะต้องดูว่ามีการตรวจสอบเรื่องใดไปแล้วบ้าง หากพบว่าประเด็นใดขาดไป ศธ.ก็จะเข้าไปช่วยตรวจสอบเสริมเพื่อให้ครบถ้วน ส่วนกรณีที่ รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. ในฐานประธานคณะกรรมการตรวจสอบข้อเท็จจริงการสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จังหวัดเชียงใหม่ มูลค่า 360 ล้านบาท ได้เสนอให้ยกเลิกสัญญาจ้าง นายสมศักดิ์ เนื่องจากทำผิดระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 นั้น ขณะนี้ยังอยู่ระหว่างให้สำนักนิติการ สำนักงานปลัด ศธ. พิจารณาอยู่
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 11 พฤษภาคม 2558