ที่ผ่านมา สถานศึกษาหรือโรงเรียน มักจะเป็นหน่วยปฏิบัติในการให้ความร่วมมือกับหน่วยงานทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ขอความร่วมมือในการเข้าร่วมกิจกรรมต่างๆ ทั้งที่เกี่ยวข้องและไม่เกี่ยวข้องกับการจัดการศึกษา จนเป็นเหตุให้มีกระแสจากแหล่งข่าวต่างๆ ว่ากิจกรรมเหล่านั้น ไปกระทบและดึงเวลาในการเรียนการสอนของครูและนักเรียนเป็นอย่างมาก ในเรื่องนี้ สำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐานก็รับทราบปัญหาและไม่ได้นิ่งนอนใจ
ล่าสุด ดร.รังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เปิดเผยผ่านคอลัมน์ สารโฆษก สพฐ. ฉบับที่ 5/2558 วันที่ 6 พฤษภาคม 2558 ที่ผ่านมาว่า ในเรื่องของความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอก ที่ผ่านมา สพฐ. ได้ร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกหลายหน่วยงานทั้งหน่วยงานภาครัฐและเอกชนและส่วนใหญ่ผู้ปฏิบัติกิจกรรมดังกล่าวก็คือ ครูและนักเรียนในสถานศึกษา ขณะนี้เริ่มมีเสียงบ่นกันออกมาดังๆ ว่ากิจกรรมดังกล่าวไปเบียดบังเวลาในการจัดกิจกรรมการเรียนรู้ของครูและนักเรียน ดังนั้น จึงได้มีการหยิบยกเรื่องนี้ขึ้นมาทบทวนกันใหม่ เมื่อวิเคราะห์กิจกรรมต่างๆที่สถานศึกษาดำเนินงานร่วมกับหน่วยงานภายนอก พบว่า เป็นกิจกรรมที่เกี่ยวข้องทางวิชาการ คุณธรรม ทักษะชีวิต สุขภาพ การส่งอาชีพพื้นฐาน และอื่นๆ กิจกรรมดังกล่าวเกิดประโยชน์มากน้อยต่อผู้เรียนแตกต่างกันไป
รองเลขาธิการ กพฐ. ได้เปิดเผยต่อไปว่า สพฐ.มีแนวทางการดำเนินการในเรื่องนี้ ดังนี้
1) ทบทวนโครงการความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกว่าได้ประโยชน์ คุ้มค่า ส่งผลต่อการพัฒนาคุณภาพการศึกษาหรือไม่
2) สถานศึกษามีอิสระในการเลือกที่จะเข้าร่วมโครงการ/กิจกรรมกับหน่วยงานภายนอก โดยคำนึงถึงประโยชน์และความคุ้มค่าต่อนักเรียน
3) ต้องบูรณาการโครงการ/กิจกรรมที่สถานศึกษาเลือกไปกับกิจกรรมการเรียนรู้และถือว่าป็นส่วนหนึ่งของการเรียนรู้ตามหลักสูตร
4) สถานศึกษาต้องบรรจุโครงการความร่วมมือกับหน่วยงานภายนอกไว้ในแผนปฏิบัติการประจำปีของสถานศึกษา โดยผ่านความเห็นชอบจากคณะกรรมการสถานศึกษาขั้นพื้นฐาน
จากข้อมูลดังกล่าว ครูบ้านนอกดอทคอมขอเรียนว่า เราก็คงต้องรอคอยว่าทาง สพฐ.จะมีแนวดำเนินการในเรื่องนี้อย่างเป็นทางการออกมาจริงหรือไม่ อย่างไร และเมื่อไหร่ ที่สำคัญที่สุดคือ เมื่อพิจารณาในสภาพความเป็นจริงนั้น สถานศึกษา สามารถปฏิเสธความร่วมมือเหล่านั้นได้หรือไม่ อย่างไร หรือว่าทั้งหมดนี้จะเป็นเพียงแนวทางในการดำเนินการที่ออกมาให้โรงเรียนได้เอาไว้ใช้เป็นข้อเลี่ยงการเข้าร่วมกิจกรรมที่ไม่เป็นประโยชน์เท่านั้น ต้องคอยติดตามครับ
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ สารโฆษก สพฐ. ฉบับที่ 5/2558 วันที่ 6 พฤษภาคม 2558