"บิ๊กเข้" รับเจอ"เงินสด-โฉนด" มูลค่า 2.1 พันกว่าล้าน ซุกตู้เซฟผู้บริหาร สกสค. ตั้งกรรมการสืบข้อเท็จจริงหาผู้เกี่ยวข้อง เรียก 2 บิ๊กแจงแล้ว
จากกรณีที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้ามาตรวจสอบความไม่โปร่งใสภายในกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) โดยได้เข้าตรวจสอบสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และพบเงินสดซึ่งเป็นเงินสกุลของประเทศในยุโรปอยู่ในตู้เซฟภายในห้องทำงานของผู้บริหารของสำนักงาน สกสค. 2 ราย มูลค่าประมาณ 1,000 ล้านบาท พร้อมโฉนดที่ดินอีกจำนวนหลายฉบับ และเอกสารหลักฐานต่างๆ โดยขณะนี้ คตร.ได้ย้ายที่เก็บเงิน โฉนดที่ดิน และเอกสารที่พบทั้งหมดมาไว้ที่ห้องมั่นคงของ ศธ. และ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้สั่งการให้ยกเลิกการทำธุรกรรมกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด และให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) พร้อมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) กรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) และคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมเป็นคณะกรรมการ เข้าไปควบคุม และจัดการกองทุนทั้งหมดของ สกสค. รวมถึงตรวจสอบว่าการทุจริตที่เกิดขึ้นมีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้างนั้น
เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการ ศธ. เปิดเผยว่า ได้รับรายงานเรื่องดังกล่าวแล้ว ทราบว่า คตร.พบหลักทรัพย์ที่ทางบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ดกรุ๊ป จำกัด นำมาค้ำประกันเงินที่ สกสค.เพื่อนำไปลงทุนกับโครงการโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี วงเงิน 2,100 ล้านบาท ซึ่ง สกสค.เก็บไว้ในตู้เซฟ มีทั้งเงินสดมูลค่าเกือบ 1,000 ล้านบาท เอกสารทางการเงิน และโฉนดที่ดินจำนวนหนึ่ง เมื่อประเมินแล้วมีมูลค่ารวมมากกว่า 2,100 ล้านบาท ที่ สกสค.นำไปลงทุน โดยขณะนี้อยู่ในการดูแลของ ศธ. ส่วนจะมีจำนวนเท่าใดและมีอะไรบ้าง ขอเวลาในการตรวจสอบ ซึ่งช่วงนี้ทาง คตร.ก็ได้เข้ามาดูแล รวมถึงยังมี ศอตช.เข้ามาตรวจสอบด้วย ดังนั้นขอเวลาดำเนินการตรวจสอบอีกช่วงหนึ่ง เร็วๆ นี้ตนจะเข้าไปพูดคุยกับนายพินิจศักดิ์ สุวรรณรังค์ ผู้ตรวจราชการ ศธ. ในฐานะปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. เพื่อสอบถามถึงรายละเอียด รวมถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบเรื่องดังกล่าว
"ผมยังไม่อยากพูดรายละเอียดในเรื่องนี้มากนัก เพราะอยู่ระหว่างดำเนินการตรวจสอบ บอกได้เพียงว่าเป็นเงินที่อยู่ในตู้เซฟของ สกสค. ส่วนจะอยู่ในห้องของผู้บริหารคนใดนั้นเป็นอีกเรื่องหนึ่ง ซึ่งเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมาปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการ สกสค. ได้ตั้งคณะกรรมการสอบข้อเท็จจริงผู้ที่เกี่ยวข้องแล้ว เบื้องต้นเป็นผู้บริหาร สกสค. 2 ราย และทาง คตร.เองได้เข้าไปตรวจสอบด้วย เรื่องนี้ ศธ.ไม่ปล่อยอยู่แล้ว ถ้าเป็นเรื่องที่พบว่ามีทุจริตหรือมีความไม่โปร่งใสเกิดขึ้น แต่ขณะนี้คงยังไม่ไปกล่าวหาใครอะไรทั้งนั้น ต้องรอเอกสารหลักฐานที่ชัดเจนก่อน" พล.ร.อ.ณรงค์กล่าว
รัฐมนตรีว่าการ ศธ.กล่าวอีกว่า ส่วนขั้นตอนการยกเลิกการทำธุรกรรมกับบริษัทบิลเลี่ยนฯ รวมถึงการควบคุมและจัดการกองทุนทั้งหมดของ สกสค.ตามคำสั่งของ พล.อ.ประยุทธ์นั้นน่าจะดำเนินการได้เลย แต่เพื่อความมั่นใจต้องหารือกับคณะกรรมการ สกสค.ในสัปดาห์หน้า อย่างไรก็ตาม เรื่องนี้แม้ พล.อ.ประยุทธ์จะไม่ได้สั่งการ แต่ตนคิดว่าการทำธุรกรรมต่างๆ ควรต้องผ่านการพิจารณาของคณะกรรมการบริหารชุดใหญ่ จากเดิมที่ทาง สกสค.ดำเนินการเอง ผ่านคณะกรรมการกองทุนต่างๆ ที่ตั้งขึ้นซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่ถูกต้อง ส่วนการยกเลิกสัญญาจ้างนายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. ที่ถูกพักการปฏิบัติหน้าที่อยู่นั้น ต้องดูตามเหตุตามผล ในตัวสัญญาจ้างระบุไว้แล้วว่ามีเหตุผลอะไรบ้างที่จะยกเลิกสัญญาจ้างได้ก็คงต้องไปดู และหารือในคณะกรรมการ สกสค.อีกครั้ง
นายพินิจศักดิ์กล่าวว่า ได้ทำหนังสือรายงานผลการตรวจสอบให้ นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. เป็นลายลักษณ์อักษรแล้วเมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม เรื่องที่ตนพร้อมคณะทำงานเข้าไปพบหลักทรัพย์ ซึ่งมีทั้งเงินสดซึ่งเป็นสกุลเงินต่างประเทศและโฉนดที่ดินที่บริษัทบิลเลี่ยนฯนำมาใช้ค้ำประกันที่ สกสค.เพื่อนำเงินไปลงทุนในโครงการโรงผลิตกระแสไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ พร้อมรายงานด้วยว่าได้ขนย้ายทรัพย์สินและโฉนดที่ดินจากห้องผู้บริหาร สกสค.มายังห้องมั่นคงของ ศธ.เมื่อวันที่ 7 พฤษภาคมที่ผ่านมา โดยตนร่วมเป็นพยานในการขนย้าย ทั้งนี้ตนได้สั่งตั้งคณะกรรมการสืบหาข้อเท็จจริงเพื่อตรวจสอบหาผู้เกี่ยวข้องทันทีหลังตรวจพบทรัพย์สินดังกล่าว โดยได้เชิญผู้บริหาร สกสค. 2 คนที่เกี่ยวข้องมาสอบถามแล้ว
แหล่งข่าวใกล้ชิดผู้บริหาร สกสค.คนหนึ่งกล่าวว่า เงินสกุลต่างประเทศที่ คตร.พบในห้องผู้บริหาร สกสค.เป็นเงินสกุลคูนาโครเอเชียที่บริษัทบิลเลี่ยนฯนำมาเป็นหลักทรัพย์ค้ำประกันร่วมกับหลักทรัพย์ประกันอื่นๆ เช่น โฉนดที่ดิน เป็นต้น ซึ่งเงินจำนวนดังกล่าวไม่ได้เป็นของผู้บริหาร สกสค.แต่อย่างใด
ด้านนายปานเทพ กล้าณรงค์ราญ ประธาน ป.ป.ช. กล่าวถึงกรณีนายกรัฐมนตรีได้สั่งการให้ ศอตช.ร่วมกับ ป.ป.ช. ดีเอสไอ และ ป.ป.ท. ร่วมเป็นคณะกรรมการ เพื่อเข้าไปดำเนินการควบคุมและจัดการกองทุนของ สกสค.และจัดการปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นภายในหน่วยงานนี้ว่า เรื่องการทุจริตใน สกสค.ทางดีเอสไอได้ร้องเรียนมายัง ป.ป.ช.แล้ว มีการกล่าวหากรณีนำเงินไปลงทุนโครงการโรงผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ที่ อ.หนองหญ้าปล้อง จ.เพชรบุรี วงเงิน 2,100 ล้านบาท ว่าอาจเป็นการลงทุนที่ไม่คุ้มค่าและ ป.ป.ช.ได้มีการตรวจสอบแล้ว มีการสอบพยาน และเห็นว่ามีมูลเพียงพอที่จะตั้งอนุกรรมการตรวจสอบ ซึ่งจะนำเรื่องดังกล่าวเข้าหารือในที่ประชุมกรรมการ ป.ป.ช.ในวันที่ 14 พฤษภาคมนี้ เบื้องต้นนายวิชา มหาคุณ และนายปรีชา เลิศกมลมาศ กรรมการ ป.ป.ช. น่าจะเป็นผู้รับผิดชอบ นอกจากนั้นที่ประชุม ป.ป.ช.จะมีการหารือว่ากรณีดังกล่าวมีการทุจริตอะไรหรือไม่ และมีการนำเงินไปทำอะไร ซึ่งคงจะต้องประสานข้อมูลกับ คตร.ที่กำลังตรวจสอบเรื่องดังกล่าวในเชิงลึก เพื่อให้ได้ข้อมูลมากที่สุด และเพื่อจะได้เกิดความชัดเจนในการดำเนินการ
เมื่อถามว่ากรณีเจอเงินเก็บไว้ในตู้เซฟห้องผู้บริหาร สกสค.ประมาณ 1,000 กว่าล้านบาท จะเป็นเรื่องที่ยืนยันถึงความไม่ชอบมาพากลใน สกสค.หรือไม่ นายปานเทพกล่าวว่า กรณีที่ร้องเรียนมาที่ ป.ป.ช. คือการเอาเงินไปลงทุนโรงผลิตไฟฟ้า ส่วนประเด็นเชื่อมโยงต่างๆ ก็ต้องหาข้อมูลประกอบต่อไป ซึ่งอยู่ในกระบวนการตรวจสอบของอนุกรรมการทั้งหมด
ที่เรือนจำกลางเขาบิน จ.ราชบุรี พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รัฐมนตรีว่าการกระทรวงยุติธรรม ในฐานะผู้อำนวยการ ศอตช. กล่าวถึงการตรวจสอบการทุจริตใน สกสค. องค์การค้าของ สกสค. และคุรุสภา ว่าได้มอบให้นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการ ป.ป.ท. ในฐานะเลขาธิการ ศอตช. ให้ประสานข้อมูลรายละเอียด คตร.ว่ามีส่วนใดที่ต้องการข้อมูลเพิ่มบ้าง ซึ่งข้อมูลที่ได้รับเป็นรายละเอียดของเอกสารในการตรวจสอบของ คตร. ดังนั้นต้องให้เจ้าหน้าที่ในหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง อาทิ ศอตช. ดีเอสไอ สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และ ป.ป.ท. ไปดูในรายละเอียดเอกสาร ส่วนการเรียกเอกสารหรือบุคคลมาสอบปากคำ ทาง คตร.ไม่มีอำนาจแต่ดีเอสไอสามารถดำเนินการได้ คาดว่าในสัปดาห์หน้าจะรู้ว่ามีข้อมูลหรือประเด็นใดบ้างที่ต้องเรียกเอกสารหรือสอบปากคำบุคคลใดเพิ่มเติม อย่างไรก็ตามตอนนี้ยังไม่อยากให้มองว่าใครทุจริต ต้องให้ความเป็นธรรมกับองค์กรและหน่วยงานที่ถูกตรวจสอบ และคงต้องเรียกผู้เกี่ยวข้องมาให้ข้อมูล จึงยังไม่อยากบอกว่าใครทุจริตหรือไม่ อย่างไร
นายธรรมยศ ศรีช่วย อธิบดีกรมพัฒนาพลังงานทดแทนและอนุรักษ์พลังงาน (พพ.) กล่าวว่า กรณีการที่ สกสค.ไปลงทุนโครงการผลิตไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ จะต้องขอตรวจสอบข้อมูลก่อนว่าโครงการผลิตไฟฟ้าดังกล่าวเป็นโครงการที่อยู่ในขั้นตอนไหน และมีผู้ผลิตเป็นใคร จะขอให้ข้อมูลชัดเจนอีกครั้งวันที่ 11 พฤษภาคมนี้ เพื่อขอตรวจสอบข้อมูลก่อน เพราะเป็นเรื่องที่ต้องรอบคอบ ทั้งนี้ ปัจจุบันการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานแสงอาทิตย์ที่รัฐบาลสนับสนุนมี 3 รูปแบบ ได้แก่ 1.การผลิตไฟฟ้าแบบลานกว้าง 2.การผลิตไฟฟ้าบนหลังคาบ้านประชาชนทั่วไป 3.โครงการผลิตไฟฟ้าบนหลังคาของหน่วยงานราชการ ดังนั้นต้องดูว่าโครงการที่เป็นข่าวนี้อยู่ในกลุ่มไหน
นายวิษณุ เครืองาม รองนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีการส่งรายงานบัญชีรายชื่อข้าราชการที่ทุจริตชุดแรกให้นายกรัฐมนตรี เมื่อวันที่ 6 พฤษภาคมที่ผ่านมา ว่าได้เล่ารายละเอียดให้
นายกฯฟังเท่านั้น แต่ไม่ได้ให้ดู ถึงเวลาท่านเพียงแค่เซ็น จะไม่ดูรายละเอียด นายกฯบอกว่ารอความคืบหน้าและต้องเอาจริงกับเรื่องนี้ ตนเจอปัญหากับบัญชีชุดแรกจำนวนมาก และได้เตือนว่าชุดที่ 2 ต้องจัดระเบียบให้ดีกว่านี้ เพราะบางคนตอนทำผิดอยู่อีกจังหวัดหนึ่งแต่ขณะนี้ย้ายไปประจำอีกจังหวัดหนึ่ง หากถึงเวลาจัดการจะไปออกคำสั่งย้ายจากจังหวัดเดิมไม่ได้ เพราะสถานภาพเดิมย้ายไปอีกจังหวัดหนึ่งแล้ว
ที่มา : นสพ.มติชน และ ประชาชาติธุรกิจ วันที่ 9 พฤษภาคม 2558