ศธ.ออกประกาศแจ้งองค์กรหลัก จัดอีเวนต์เกินล้านต้องขออนุมัติจาก รมว.ศธ. เตรียมเผยแพร่ประกาศให้องค์กรหลักและหน่วยงานรับทราบ
วันนี้ (7 พ.ค.) พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) เปิดเผยว่า ตามที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีนโยบายกำหนดให้ทุกส่วนราชการและหน่วยงานของภาครัฐที่จะดำเนินโครงการที่มี การจัดจ้างให้เอกชนเป็นผู้รับงาน หรือ Organizer (ออแกไนซ์เซอร์) งาน โฆษณา และงานประชาสัมพันธ์ที่มีวงเงินการจัดจ้างตั้งแต่ 5 ล้านบาทขึ้นไป รายงานให้คณะกรรมการติดตามและติดสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) รับทราบก่อนดำเนินการจัดจ้าง และให้ คตร.รวบรวมเสนอให้ ครม.พิจารณานั้น เพื่อให้การปฏิบัติราชการของ ศธ.เป็นไปด้วยความเรียบร้อยและมีมาตรการกำกับการปฏิบัติอย่างเป็นรูปธรรม
อย่างไรก็ตาม เพื่อรองรับมติดังกล่าว เมื่อเร็วๆ นี้ ตนได้ลงนามในประกาศ ศธ. เรื่อง มาตรการควบคุมการจัดทำโครงการที่มีการจัดจ้างให้เอกชนจัดงาน งาน โฆษณาและงานประชาสัมพันธ์ กำหนดให้ทุกหน่วยงานในสังกัด และกำกับของ ศธ.ดำเนินการตามมาตรการควบคุมการจัดทำโครงการที่มีการจัดจ้างให้เอกชนเป็น ผู้จัดงานฯ ดังนี้ 1.การเสนอและการดำเนินการโครงการที่มีการจัดจ้างเอกชนจะต้องเป็นไปตามความจำ เป็น และเป็นประโยชน์ต่อการพัฒนาระบบการศึกษา มีความคุ้มค่าและประหยัดงบประมาณ 2.โครงการที่ใช้งบ ประมาณตั้งแต่ 1 ล้านบาทขึ้นไปหรือมีกลุ่มเป้าหมายตั้งแต่ 100 คนขึ้นไปต้องเสนอขอความเห็นชอบจากรัฐมนตรีว่าการ ศธ.ก่อนการจัดงาน และ3.ให้ผู้บริหารของทุกหน่วยงานในสังกัดและในกำกับของ ศธ.กำกับการปฏิบัติให้เป็นไปตามมติ ครม.และมาตรการที่กำหนด
ด้าน รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัด ศธ. กล่าวว่า ตนจะนำประกาศดังกล่าวแจ้งเวียนให้องค์กรหลัก ของ ศธ.ร่วมถึงหน่วยงานในกำกับของ ศธ. รับทราบและปฏิบัติตามประกาศ ทั้งนี้ ในคำสั่งของ ครม.กำหนดให้ใช้งบประมาณในการจัดงานไม่เกิน 5 ล้านบาท แต่ของ ศธ.ได้กำหนดให้ลดลงเหลือไม่เกิน 1 ล้านบาท ซึ่งต่อไปหากหน่วยงานใดจะจัดงานที่ต้องใช้ออแกไนซ์เซอร์เป็นผู้ดำเนินการนั้น จะต้องรายงานให้ รมว.ศึกษาธิการ รับทราบ ถือเป็นนโยบายสำคัญในการลดค่าใช้จ่ายที่สิ้นเปลือง เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณ
“โครงการต่าง ๆ ที่ได้ดำเนินการไปแล้วนั้น เวลานี้ยังไม่มีการรวบรวมว่ามีการใช้งบจัดงานอีเวนท์ที่สูงเกินไป หรือส่อไปในทางทุจริตหรือไม่ แต่น่าจะมีการพูดคุยในที่ประชุมผู้บริหาร ศธ. และนำมาเป็นบทเรียนเพื่อไม่ให้มีการดำเนินการในลักษณะดังกล่าวเกิดขึ้นอีก แต่คงไม่มีการเอาผิดใครย้อนหลัง และปัจจุบันนโยบายของศธ.มีความเปลี่ยนแปลงไปมาก โดยเฉพาะโครงการคืนครูให้นักเรียน ดังนั้นปัญหาการเกณฑ์ครูและนักเรียนมาร่วมงานอีเวนท์ต่าง ๆ ก็คงจะลดน้อยลง” รศ.นพ.กำจร กล่าว
นายกมล รอดคล้าย เลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน (เลขาธิการ กพฐ.) กล่าวว่า สพฐ.พร้อมจะสนองนโยบายที่ ครม.และ รมว.ศึกษาธิการ มอบไว้โดยต่อไปรูปแบบการจัดกิจกรรมต่างๆ ของ สพฐ.จะเน้นความพอดีและไม่จัดใหญ่โตจนเกินไป รวมทั้งเลือกจัดงานเฉพาะบางกิจกรรมที่มีความจำเป็นเท่านั้น และถ้ากิจกรรมใดที่ข้าราชการดำเนินการเองได้ก็จะทำเอง แต่หากเป็นกิจกรรมที่จำเป็นต้องอาศัยผู้ที่มีความเชี่ยวชาญก็จะต้องจ้างออแกไนซ์เซอร์ เช่น การจัดงานที่ต้องใช้พิธีกรที่มีความเชี่ยวชาญในภาษาต่างประเทศ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม สพฐ.จะมีการทบทวนการจัดงานศิลปหัตถกรรมนักเรียน ซึ่งจัดขึ้นทุกปีใน 4 ภูมิภาคด้วย โดยเร็วๆนี้จะเชิญผู้เกี่ยวข้องมาหารือ เบื้องต้นอาจจะเสนอให้จัดกิจกรรมใน 2 รูปแบบ คือ จัดกิจกรรมแบบปีเว้นปี เพื่อเป็นการประหยัดงบประมาณและไม่ทำให้เด็กเสียเวลาในการเตรียมความพร้อม และลดจำนวนกิจกรรมที่จัดลง แต่ยังเน้นให้ครอบคลุมการนำเสนอในทุกสาระวิชา
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 7 พฤษภาคม 2558