“ประยุทธ์” สั่งศอตช.เข้าควบคุมสกสค.แบบเบ็ดเสร็จและเดินหน้าสะสางทุจริตให้หมดสิ้น หลังคตร.รายงานผลการตรวจสอบพบความไม่โปร่งใสชัดเจนแล้ว โดยเฉพาะกรณีนำเงิน 2,100 ล้านบาทไปร่วมลงทุนในโครงการโรงไฟฟ้าพลังแสงอาทิตย์ พร้อมสั่งยกเลิกสัญญาและยึดหลักทรัพย์ค้ำประกันทั้งหมด รวมทั้งพิจารณายกเลิกสัญญาจ้างเลขาธิการสกสค.ด้วย
วันนี้(7 พ.ค.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้ากรณีคณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้เข้ามาตรวจสอบความไม่โปร่งใสใน สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) องค์การค้าของ สกสค. และคุรุสภา ว่า คตร.ได้แจ้งให้ทราบว่าพบความไม่ชอบมาพากลในการดำเนินโครงการต่างๆของสกสค. โดยเฉพาะโครงการโรงไฟฟ้าพลังงานแสงอาทิตย์ ที่อ.หนองหญาปล้อง จ.เพชรบุรี วงเงิน 2,100 ล้านบาท จึงได้ทำหนังสือรายงานให้ พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ได้รับทราบถึงผลการตรวจสอบแล้ว
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อไปว่า นายกรัฐมนตรีได้สั่งการ 3 ข้อ ได้แก่
1.ให้สำนักงานสกสค.ยกเลิกการทำธุรกรรมทุกประเภทกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ตกรุ๊ป
2.ให้ศูนย์อำนวยการต่อต้านทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ที่มี รมว.ยุติธรรม เป็นประธาน ร่วมกับคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตในภาครัฐ (ป.ป.ท.) ร่วมเป็นคณะกรรมการอยู่ด้วย เพื่อเข้าไปดำเนินการควบคุมและจัดการกองทุนทั้งหมดของสกสค. และจัดการปัญหาการทุจริตทั้งหมด และตรวจสอบว่าปัญหาการทุจริตที่เกิดขึ้นมีใครเข้าไปเกี่ยวข้องบ้าง และ
3. ให้นำหลักทรัพย์ที่บริษัท บิลเลี่ยนฯ นำมาค้ำประกันสัญญาและหลักทรัพย์กองทุนอื่นๆมาเก็บรักษารวมไว้ที่ห้องมั่นคงที่ ศธ.ทั้งหมด ซึ่งตนได้กำชับให้ นายวัชรินทร์ จำปี รองปลัด ศธ. จัดเวรยามพร้อมติดตั้งกล้องวงจรปิดดูแลตลอด 24 ชั่วโมง
Advertisement
“จากนี้ คตร.จะเข้าไปตรวจสอบโครงการอื่นๆต่อไป เช่น โครงการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษา เชียงใหม่ วงเงิน 360 ล้านบาท ส่วนนายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค.นั้น เบื้องต้นกำลังพิจารณาข้อกฎหมายว่าจะยกเลิกสัญญาจ้างได้หรือไม่ คาดว่าภายในสัปดาห์หน้าจะมีความชัดเจน” ปลัดศธ.กล่าว
ผู้สื่อข่าวได้รับการเปิดเผยจากแหล่งข่าวระดับสูงภายในสำนักงาน สกสค.ว่า ก่อนหน้านี้คตร.ได้เข้าไปตรวจสอบภายใน สกสค.และได้พบเงินสดอยู่ในตู้เซฟภายในห้องทำงานของผู้บริหารสกสค. 2 ราย รวมเป็นเงินกว่า 800 ล้านบาท พร้อมโฉนดที่ดินอีกจำนวนหนึ่ง โดยทาง คตร.ห้ามไม่ให้มีการแพร่งพรายข้อมูลดังกล่าวออกไปอย่างเด็ดขาด ก่อนที่จะมีการรายงานนายกฯและมีคำสั่งให้ดำเนินการใน 3 เรื่องเร่งด่วนดังกล่าวในที่สุด.
ที่มา เดลินิวส์ วันพฤหัสที่ 7 พฤษภาคม 2558