ดร.รังสรรค์ มณีเล็ก รองเลขาธิการคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน ได้เปิดเผยในสารจากโฆษก สพฐ. ฉบับที่ ๔/๒๕๕๘ เรื่อง การปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐาน ดังนี้
การปฏิรูปการศึกษาขั้นพื้นฐาน
สารจากโฆษก สพฐ.ฉบับนี้ขอกล่าวถึงการปฏิรูปการบริหารจัดการและการปฏิรูปการพัฒนาวิชาชีพพอสังเขป ดังนี้
๑. การปฏิรูปการบริหารจัดการ ที่ผ่านมาวงการศึกษาตกเป็นจำเลยว่าบริหารจัดการไม่มีประสิทธิภาพ ลงทุนเพื่อการศึกษามากมาย แต่ผลตอบแทนการลงทุนกลับไม่คุ้มค่า ไม่น่าพอใจ สิ่งที่คาดว่าจะเปลี่ยนแปลงเกี่ยวกับการบริหารจัดการตรงกับร่างรัฐธรรมนูญที่กล่าวไว้ใน ข้อ ๑ เกือบทั้งหมด นั่นคือ
๑) ต้องการให้มีการกระจายอำนาจจาก สพฐ.ไปยังสำนักงานเขตพื้นที่และสถานศึกษาให้มากขึ้น สถานศึกษามีอิสระในการบริหารจัดการควบคู่ไปกับความรับผิดชอบต่อผลการดำเนินงานของตน
๒) ส่งเสริมการมีส่วนร่วมในการจัดการศึกษาจากทุกภาคส่วนของสังคม
๓)โครงสร้างของส่วนกลางมีข้อเสนอแยกเป็น ๔ กลุ่ม คือ กลุ่มประถมศึกษา กลุ่มมัธยมศึกษา กลุ่มการศึกษาพิเศษ และ กลุ่มวิชาการ จะเรียกส่วนราชการเหล่านี้เป็นสำนักงาน ทบวงหรือ กรม ก็แล้วแต่ ในระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา มีข้อเสนอให้เพิ่มจำนวนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามัธยมศึกษา และลดจำนวนสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาประถมศึกษา นอกจากนั้นยังมีข้อเสนอให้มีหน่วยงานทางการศึกษาระดับอำเภอและกลุ่มโรงเรียนอีกด้วย การบริหารโดยองค์คณะบุคคลในระดับสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษามีข้อเสนอให้เหลือเพียงคณะเดียว จากเดิมมีถึง ๔ คณะ (กพท. ,อ.ก.ค.ศ. ,กตปน. และคุรุสภา) หรืออาจไม่มีเลยสักคณะเดียวตามรูปแบบเดิม และมีแนวโน้มสูงมากที่จะเกิดสภาการศึกษาจังหวัด ซึ่งเป็นการรวมตัวกันทุกภาคส่วนในจังหวัดเพื่อพัฒนาการศึกษาตลอดชีวิตร่วมกัน ในการจัดโครงสร้างดังกล่าว มีเงื่อนไขว่าจะต้องไม่เพิ่มคนและเงินที่จะเป็นภาระของรัฐบาล
๒. การปฏิรูปการพัฒนาวิชาชีพ การปฏิรูปด้านนี้ก็คือการปฏิรูปการบริหารงานบุคคลนั่นเอง สพฐ.ได้ดำเนินการเรื่องนี้ เกี่ยวกับ การปฏิรูปการผลิตและการสรรหา การปฏิรูประบบการพัฒนาครู การปฏิรูประบบค่าตอบแทนการปฏิบัติงานและเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ การปฏิรูประบบความก้าวหน้าทางวิชาชีพ ขยายความหน่อยนะครับ การผลิตและการสรรหา เป็นการประสานงานกับสถาบันการผลิตครูเพื่อให้ได้คนดี คนเก่งมาเรียน/เป็นครู โดยจะมีการฟื้นโครงการคุรุทายาทขึ้นมาดำเนินการใหม่ แต่ถ้าจะเริ่มนับหนึ่งใหม่ทุกอย่างก็คงต้องรอ ๔-๕ ปี กว่าจะได้น้องๆ เหล่านี้มาเป็นครู ท่านรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการต้องการให้เร็วกว่านี้ ดังนั้นจึงเป็นไปได้ที่จะคัดนักศึกษา ปีที่ ๔-๕ เข้าโครงการสักจำนวนหนึ่งก่อน สำหรับการสรรหานั้นจะพยายามให้สถานศึกษาเข้ามามีบทบาทในการสรรหาบุคลากรมากยิ่งขึ้น ระบบการพัฒนาครู ในการพัฒนาครูนั้นจะพัฒนาด้วยรูปแบบและวิธีการที่หลากหลาย พยายามนำระบบเทคโนโลยีสารสนเทศเข้าใช้ประโยชน์ในการพัฒนา เน้นการพัฒนาตนเองตาม ID plan โดยไม่ทิ้งนักเรียน ทิ้งห้องเรียน ระบบค่าตอบแทนการปฏิบัติงานและเสริมสร้างขวัญและกำลังใจ จะมีการพัฒนาระบบค่าตอบแทนที่เหมาะสมแก่ข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาในส่วนที่เกินบทบาทภารกิจ และความยากลำบากในการไปปฏิบัติงาน ซึ่งอาจเป็นค่าตอบแทนที่เป็นเงิน หรือการยกย่องเชิดชูเกียรติซึ่งมีคุณค่าทางจิตใจ มีการส่งเสริมคุณภาพชีวิตครูให้มีสวัสดิการและสวัสดิภาพที่ดี ความก้าวหน้าทางวิชาชีพ มุ่งเน้นการสร้างเสริมและประเมินความสัมพันธ์ระหว่างความก้าวหน้าทางวิชาชีพกับผลการปฏิบัติงานที่เกิดขึ้นตามบทบาทหน้าที่
อ่านเพิ่มเติมได้ที่ สารโฆษก สพฐ.