รมว.ศธ.สั่งยุบ ผนวกคณะอนุกรรมการ 3 บอร์ดเจ้าปัญหาจาก 37 ชุด ให้เหลือ 11 ชุด รวมทั้งให้ถอนอำนาจบอร์ด สกสค.บริหารองค์การค้าคุรุสภา โดยให้ ผอ.องค์การค้าฯ มีอำนาจในการบริหารจัดการด้านการเงินด้วยตัวเองได้
พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) กล่าวภายหลังการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. ว่า ตามที่มอบหมายให้ผู้ปฏิบัติหน้าที่เลขาธิการคุรุสภาไปรวบรวมคณะทำงาน อนุกรรมการชุดต่างๆ ทั้ง 37 ชุด และไปพิจารณาว่าคณะใดที่ยังมีความจำเป็นต้องคงไว้ และคณะใดที่ไม่จำเป็นหรือสามารถควบรวมการทำงานได้ ก็ขอให้รวมเป็นชุดเดียวกัน หรือยกเลิก ซึ่งจากการพิจารณาเห็นว่าควรจะควบรวมการทำงานของคณะกรรมการและอนุกรรมที่มีภาระงานในลักษณะเดียวกันไว้ด้วยกัน ซึ่งสามารถรวมได้เหลือ 11 คณะ
รมว.ศธ.กล่าวต่อว่า ในส่วนของ สกสค. ที่ประชุมได้รับทราบกรณีที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) เข้าไปติดตามการใช้จ่ายงบประมาณของ สกสค.ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน ซึ่งที่ประชุมได้กำชับให้สำนักงาน สกสค.ให้ความร่วมมือกับทาง คตร. ขณะเดียวกันเห็นชอบให้แก้ไขข้อบังคับของบอร์ด สกสค.ว่าด้วยการบริหารงานบุคคล ที่ให้ปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการ สกสค. จากเดิม 11 คนเหลือ 9 คน และองค์ประกอบของคณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์ จากเดิม 11 คนเหลือ 9 คนเช่นกัน และเห็นชอบให้ออกระเบียบสำนักงาน สกสค.ว่าด้วยการมอบอำนาจให้ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค.มีอำนาจในในการทำธุรกรรมทางการเงิน และการดำเนินคดีความต่างๆ รวมถึงให้ตรวจสอบว่ามีคณะกรรมการและอนุกรรมการใดที่ซ้ำซ้อนก็ขอให้เสนอมายังคณะกรรมการ สกสค.เพื่อพิจารณาเพื่อยุบรวมหรือยกเลิก
พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวอีกว่า ในส่วนขององค์การค้า สกสค. ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ได้รายงานปัญหาข้อบกพร่องในการดำเนินงาน รวมถึงภาวะขาดทุนสะสมให้ที่ประชุมรับทราบ ซึ่งหนี้สินส่วนใหญ่จะเป็นหนี้เงินเดือนพนักงานที่มีการขึ้นเงินเดือนให้แล้ว แต่ยังไม่ได้จ่ายเงินจนเกิดการฟ้องร้อง รวมถึงหนี้สินที่เกิดกับหน่วยงานอื่นๆ รวมแล้วประมาณ 4,200 ล้านบาท ที่ประชุมจึงได้มอบให้ปฏิบัติหน้าที่ผู้อำนวยการองค์การค้าฯ ไปทำแผนฟื้นฟูในระยะ 1-2 เดือน โดยเชิญผู้ทรงคุณวุฒิที่มีความรู้ทั้งจากภาครัฐและเอกชนมาช่วยระดมความคิดเห็น ที่สำคัญจะต้องวางแนวทางในการลดค่าใช้จ่ายและเพิ่มรายได้ เพื่อให้องค์การค้าฯ สามารถกลับมาดำเนินกิจการต่อไปได้.
ที่มา ไทยโพสต์ วันที่ 30 เมษายน 2558
Advertisement
ผลประชุมบอร์ดคุรุสภา-สกสค.-องค์การค้าของ สกสค.
พลเรือเอก ณรงค์ พิพัฒนาศัย รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ เปิดเผยผลการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา คณะกรรมการส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) และคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. เมื่อวันพุธที่ 29 เมษายน 2558 ที่ห้องประชุมจันทรเกษม
● ผลการประชุมคณะกรรมการคุรุสภา : ให้ตั้งคณะอนุกรรมการในคุรุสภา 11 คณะ
รมว.ศึกษาธิการ กล่าวว่า จากการที่ได้มอบให้นายกมล ศิริบรรณ รองปลัดกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งเลขาธิการคุรุสภา รวบรวมข้อมูลและพิจารณาถึงความจำเป็นเหมาะสมของคณะอนุกรรมการของคุรุสภาทั้ง 37 คณะนั้น ที่ประชุมได้พิจารณาและมีมติเห็นว่า ควรมีการปรับลดคณะอนุกรรมการที่ไม่มีความจำเป็น โดยได้ใช้วิธีการควบรวมคณะอนุกรรมการที่มีหน้าที่ใกล้เคียงกันเป็นชุดเดียวกัน ดังนั้นจึงเหลือคณะอนุกรรมการที่มีความจำเป็นอยู่เพียง 11 คณะ
● ผลการประชุมคณะกรรมการ สกสค. : ปรับองค์ประกอบบอร์ดให้เหลือ 9 ราย
ที่ประชุมรับทราบกรณีที่คณะกรรมการติดตามและตรวจสอบการใช้จ่ายงบประมาณภาครัฐ (คตร.) ได้เข้ามาตรวจสอบเอกสารการเงิน การบัญชี การจัดซื้อจัดจ้าง และการดำเนินงานของสำนักงานส่งเสริมสวัสดิการและสวัสดิภาพครูและบุคลากรทางการศึกษา (สกสค.) ตั้งแต่วันที่ 29 เมษายน 2558 เป็นต้นไป โดยที่ประชุมได้เน้นย้ำให้สำนักงาน สกสค. อำนวยความสะดวกและให้ความร่วมมืออย่างเต็มที่ ทั้งในเรื่องเอกสารและหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง
นอกจากนี้ ที่ประชุมได้เห็นชอบให้มีการปรับปรุงแก้ไขข้อบังคับของสำนักงาน สกสค. เกี่ยวกับการบริหารงานบุคคล โดยมีการปรับองค์ประกอบคณะกรรมการ สกสค.จาก 11 ราย ให้เหลือ 9 ราย และปรับองค์ประกอบของคณะกรรมการอุทธรณ์และร้องทุกข์จาก 11 ราย เหลือเพียง 9 รายเช่นกัน ทั้งยังได้เห็นชอบให้มีการออกระเบียบสำนักงาน สกสค.ว่าด้วยการมอบอำนาจของเลขาธิการ สกสค.ให้กับผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. เพื่อให้มีอำนาจลงนามธุรกรรมทางการเงินและการดำเนินการเกี่ยวกับเรื่องคดีความ
ในส่วนของข้อบังคับต่างๆ ได้มอบให้สำนักงาน สกสค. ศึกษาและตรวจสอบในรายละเอียดของข้อบังคับ ระเบียบ คำสั่งต่างๆ เกี่ยวกับการแต่งตั้งคณะกรรมการและคณะอนุกรรมการว่า ควรจะต้องมีการแก้ไขปรับปรุง เปลี่ยนแปลง หรือยกเลิกหรือไม่ อย่างไร และนำกลับมาเสนอให้ที่ประชุมพิจารณาในครั้งต่อไป
● ผลการประชุมคณะกรรมการบริหารองค์การค้าของ สกสค. : ให้จัดทำแผนฟื้นฟูองค์กร
ที่ประชุมรับทราบนายสุเทพ ชิตยวงษ์ ผู้ตรวจราชการกระทรวงศึกษาธิการ ปฏิบัติหน้าที่ในตำแหน่งผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. ได้รายงานสรุปปัญหา ข้อขัดข้อง ตลอดจนข้อมูลการดำเนินงานที่ผ่านมา ซึ่งพบว่ามีภาวะการขาดทุนสะสมมากถึง 4,200 ล้านบาท เกิดจากหนี้ในหลายทาง อาทิ เป็นลูกหนี้ของพนักงานในองค์กรเอง จากการที่ขึ้นเงินเดือนพนักงาน แต่ไม่ได้จ่ายเงินให้ เป็นหนี้ค้างกับหน่วยงานต่างๆ เป็นต้น
นอกจากนี้ ได้มอบให้ผู้อำนวยการองค์การค้าของ สกสค. จัดทำแผนฟื้นฟูองค์กร เพื่อให้องค์กรกลับมาดำรงสภาพอยู่ได้ ซึ่งที่ประชุมเสนอให้มีการจัดตั้งคณะทำงาน โดยเชิญผู้มีความรู้/ผู้เชี่ยวชาญจากหน่วยงานราชการและภาคเอกชนมาเข้าร่วม เพื่อให้คำปรึกษา ข้อเสนอแนะ และรายละเอียดการแก้ไขปัญหาในแต่ละเรื่อง เพื่อจัดทำเป็นแผนฟื้นฟูที่มีแนวทางและขั้นตอนอย่างชัดเจนในระยะ 1-3 ปีต่อจากนี้
ที่มา ข่าวสำนักงานรัฐมนตรี กระทรวงศึกษาธิการ