“กำจร” เผยผลสอบข้อเท็จจริงทุจริตก่อสร้างอาคารที่เชียงใหม่ พบมีมูลเหตุผิดระเบียบสำนักนายกฯ ว่าด้วยพัสดุ เตรียมเสนอ รมว.ศึกษาฯ โดยระบุให้ตั้ง กก. สอบวินัย “สมศักดิ์” หรือยกเลิกสัญญาจ้าง เหตุไม่ใช่ข้าราชการ แต่จ้างด้วยมติบอร์ด
วันนี้ (21 เม.ย.) รศ.นพ.กำจร ตติยกวี ปลัดกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) กล่าวว่า ขณะนี้ พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ ยังไม่มีการนัดประชุมคณะกรรมการ สกสค. คณะกรรมการบริหารองค์การค้าฯ และคณะกรรมการคุรุสภา เนื่องจากติดภารกิจ โดยคาดว่าจะมีการนัดหารืออย่างเป็นทางการในสัปดาห์หน้า โดยส่วนของตนอันดับแรกจะเข้าไปดูภารกิจว่ามีเรื่องใดที่ต้องเร่งดำเนินงาน เพื่อไม่ให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ รวมถึงจะต้องมอบหมายงานให้รักษาการเลขาธิการ ทั้ง 3 หน่วยงาน เข้าไปดูความไม่ชอบมาพากลที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะระบบการเงิน ที่ต้องตรวจสอบว่า ยังมีเงินเหลือเท่าไร มีหนี้สินเท่าไร รวมถึงโครงการต่างๆ ที่ดำเนินการอยู่ว่ามีความไม่โปร่งใสหรือไม่ ที่ต้องลงไปดูเพื่อให้การดำเนินงานต่างๆ ในอนาคตราบรื่นไร้ปัญหาการทุจริตคือ ปรับแก้กฎหมายต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง กับองค์ประกอบและโครงสร้าง และอำนาจหน้าที่ของคณะกรรมการทั้ง 3 ชุด ที่จะต้องมีความสมดุลกับอำนาจ รมว.ศึกษาธิการ โดยต่อไปหากคณะกรรมการทั้ง 3 ชุด ทำอะไรที่ไม่ชอบมาพากล หรือส่อไปในทางทุจริต ก็สามารถใช้อำนาจ รมว.ศึกษาธิการ แก้ไขปัญหาได้
“ก่อนหน้านี้ ได้มีการแต่งตั้งผมเป็นประธานคณะกรรมการสืบข้อเท็จจริง กรณีปัญหาการทุจริตการก่อสร้างอาคารพัฒนาครูและบุคลากรทางการศึกษาภาคเหนือ จ.เชียงใหม่ จำนวน 360 ล้านบาท ซึ่งผลออกมาแล้วว่ามีมูลว่ามีการดำเนินการที่ส่อไปในทางทุจริต โดยจะเห็นได้ว่าโครงการดังกล่าวมีการก่อสร้างนานถึง 3 ปี แต่มีเสาขึ้นในพื้นที่เพียง 3 ต้น มีการแก้ไขแบบและมีการขยายเวลาการก่อสร้างออกไป ทำให้ผิดสัญญาจ้างไม่ปฏิบัติตามระเบียบสำนักนายกรัฐมนตรี ว่าด้วยการพัสดุ พ.ศ. 2535 ก่อให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ ส่วนข้อมูลความเสียหายจะอยู่ที่เท่าไรนั้น สกสค. ไม่ได้รายงานให้คณะกรรมการสืบข้อเท็จจริงทราบ โดยผมจะส่งข้อมูลดังกล่าวให้ รมว.ศึกษาธิการ ในฐานะประธานคณะกรรมการ สกสค. พิจารณา โดยได้เสนอให้ตั้งกรรมการสอบวินัย นายสมศักดิ์ ตาไชย เลขาธิการ สกสค. ที่อยู่ระหว่างยุติการปฏิบัติหน้าที่ตามคำสั่งหัวหน้า คสช. และไม่แน่ใจว่าจะสามารถสอบวินัยได้หรือไม่ เพราะไม่ได้เป็นข้าราชการ แต่ทำงานตามสัญญาจ้าง โดยคณะกรรมการ สกสค. ดังนั้น อีกแนวทางหนึ่ง คือ ยกเลิกสัญญาจ้าง และให้ดำเนินคดีอาญาเพราะถือว่าเป็นเรื่องที่ทำให้เกิดความเสียหายกับทางราชการ”ปลัด ศธ. กล่าว
รศ.นพ.กำจร กล่าวต่อว่า ส่วนกรณีที่ สกสค. นำเงินสมาชิกโครงการการฌาปนกิจสงเคราะห์ช่วยเพื่อนครูและบุคลากรทางการศึกษา (ช.พ.ค.) นำเงิน ไปลงทุนกับบริษัท บิลเลี่ยน อินโนเวเท็ด กรุ๊ป จำกัด นั้น จำนวน 2,100 ล้านบาท นั้น ตนยังไม่ทราบรายละเอียด แต่หากทางเลขาธิการ สกสค. ยืนยันว่า สามารถดำเนินการได้ตามกฎหมาย และเป็นมติของคณะกรรมการ ช.พ.ค. เพราะฉะนั้น หากเกิดความเสียหายขึ้น สกสค. และคณะกรรมการ ช.พ.ค. ที่มีอำนาจตัดสินใจเรื่องนี้ก็ต้องรับผิดชอบ หาเงินมาคืนให้ครูและบุคลากรทางการศึกษาที่ได้รับผลกระทบ
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ 21 เมษายน 2558