องค์กรหลัก ศธ. หนุน ก.ค.ศ. ชงปรับเกณฑ์เขาสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาใหม่ ของครูและบุคลากรทางการศึกษา ต้องมีประสบการณ์อย่างน้อย 9 - 11 ปี ถึงมีสิทธิ์เข้าสู่ตำแหน่ง จากเดิมแค่ 6 ปี จากครูเป็นผอ.สถานศึกษาได้ ทำให้เกิดปัญหาผู้บริหารขาดประสบการณ์บริหารจัดการ และดูแลครู
นาย อมรวิชช์ นาครทรรพ ผู้ช่วยเลขานุการรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (ศธ.) ในฐานะโฆษก ศธ. เปิดเผยภายหลังการประชุมองค์กรหลัก ศธ. ที่มี พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เมื่อเร็วๆ นี้ ว่า ที่ประชุมได้หารือกรณีที่สำนักงานคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) เสนอให้ปรับปรุงคุณสมบัติของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่จะก้าว ขึ้นมาเป็นผู้บริหารสถานศึกษา เนื่องจากเห็นว่าที่ ผ่านมา ระบบเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษามีปัญหามาตลอดว่า ได้คนที่อายุน้อย ไม่มีประสบการณ์ เมื่อมาเป็นผู้บริหารสถานศึกษา ทำให้ไม่สามารถดูแลการจัดการศึกษาและดูแลครูในสถานศึกษาได้ดีพอ โดยปัญหาดังกล่าวเกิดทั้งสถานศึกษาระดับการศึกษาขั้นพื้นฐานและอาชีวศึกษา
ด้วยเหตุนี้สำนักงาน ก.ค.ศ. จึงได้เสนอเกณฑ์การเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษาของใหม่ เบื้องต้นผู้ที่เข้าสู่ตำแหน่งผู้บริหารสถานศึกษา จะต้องมีประสบการณ์การสอนมาก่อน 4 - 6 ปี และต้องมีประสบการณ์สายบริหารด้วย 4 - 5 ปี โดยสรุปคือ ถ้าเริ่มต้นด้วยตำแหน่งครูแล้ว จะต้องใช้เวลาเก็บเกี่ยวประสบการณ์ 9 - 11 ปี จึงจะเข้าสู่ตำแหน่งผู้บริการสถานศึกษาได้ จากปัจจุบัน ถ้าเริ่มต้นอาชีพครูด้วยวุฒิปริญญาตรีแล้ว จะใช้เวลาแค่ 5 - 6 ปีเท่านั้น ก็สามารถขึ้นเป็นผู้บริหารสถานศึกษาได้ แต่ถ้าใช้วุฒิปริญญาโท จะใช้เวลาแค่เพียง 3 ปี ทำให้ผู้บริหารสถานศึกษาที่อายุน้อยเหลานี้ ยังไม่มีความแตกฉานในเรื่องการสอน ไม่มีประสบการณ์เพียงพอ และเพราะยังเด็กจึงไม่ค่อยได้รับการยอมรับ ไม่สามารถดูแลครูในสถานศึกษาได้
Advertisement
“ที่ประชุมรับในหลักการดังกล่าว และให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปจัดทำรายละเอียดไปเสนอที่ประชุมคณะกรรมการข้าราชการครูและบุคลากร ทางการศึกษา (ก.ค.ศ.) นอกจากนั้น รมว.ศึกษาธิการ ยังได้เสนอในที่ประชุมให้ปรับปรุงระบบบริหารบุคคลของข้าราชการครู ให้ครูที่รักการสอน แต่ไม่ต้องการจะเปลี่ยนสายมาเป็นผู้บริหาร ได้มีโอกาสก้าวหน้าในอาชีพได้ทัดเทียมกับสายผู้บริหารสถานศึกษา ด้วย ทั้งหมดยังไม่ได้ข้อยุติรายละเอียด เป็นหน้าที่ สำนักงาน ก.ค.ศ. ต้องไปศึกษาและจัดทำรายละเอียดมา แต่โดยหลักการก็คือ การรักษาครูดีไว้ให้กับเด็ก และให้ได้ผู้บริหารที่ดีเข้าสู่ตำแหน่ง” นายอมรวิชช์ กล่าวและว่า สำนักงาน ก.ค.ศ. ยังเสนอให้กำหนดเงินเพิ่มเติมให้กับครู ผู้บริหารสถานศึกษาในพื้นที่ทุรกันดาร พื้นที่ห่างไกลหรือชายขอบ ซึ่งปัจจุบัน ก.ค.ศ. ก็มีจ่ายให้อยู่เหมือนกันแต่ให้เฉพาะนิติกรและครูการศึกษาพิเศษที่ดูแลเด็กพิการ ทั้งนี้ ที่ประชุมให้สำนักงาน ก.ค.ศ. ไปศึกษาเรื่องนี้มาเพิ่มเติม โดยให้ไปสำรวจเทียบเคียงกับหน่วยงานอื่นๆ และให้ดูมาตรการอื่นๆ ที่ไม่ใช่เงิน ในการจูงใจให้ครูไปทำงานในพื้นที่ห่างไกลด้วย
ที่มา ASTVผู้จัดการออนไลน์ วันที่ 13 เมษายน 2558