Advertisement
ชื่อ ขรก.เอี่ยวโกงถึง"บิ๊กตู่"แล้ว เลขาธิการ ป.ป.ท.หอบไปส่งเอง ยันจัดทำข้อมูลโปร่งใส เพียงพอที่จะให้นายกฯสั่งการทางปกครองได้ ย้ำจะพิจารณารายชื่อทุกเดือน
เมื่อเวลา 12.00 น. วันที่ 10 เมษายน ที่ทำเนียบรัฐบาล นายประยงค์ ปรียาจิตต์ เลขาธิการสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตภาครัฐ (ป.ป.ท.) เข้ายื่นเอกสารรายชื่อข้าราชการที่เข้าไปพัวพันกับการทุจริตถึง พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) พิจารณาโทษทางปกครอง ใช้เวลาประมาณ 30 นาที
นายประยงค์กล่าวว่า ได้รับมอบหมายจาก พล.อ.ไพบูลย์ คุ้มฉายา รมว.ยุติธรรม ในฐานะประธานศูนย์อำนวยการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (ศอตช.) ให้นำเอกสารมาส่งถึงนายกรัฐมนตรีตามที่ระบุไว้ว่าจะนำมาส่งในวันที่ 10 เมษายน โดยมีเจ้าหน้าที่เป็นตัวแทนรับเรื่องไว้ ส่วนรายละเอียดว่ามีข้าราชการระดับใดบ้าง ทำความผิดตั้งแต่เมื่อใด มีจำนวนกี่คน และมีใครบ้างนั้น รมว.ยุติธรรมจะเป็นผู้ชี้แจงเอง
"เรื่องทั้งหมด พล.อ.ไพบูลย์รวบรวมข้อมูลจากทุกภาคส่วนและภาคเอกชนแล้วไปสืบสวนต่อ ดังนั้นข้อมูลที่ได้มานั้นโปร่งใสและเพียงพอให้นายกรัฐมนตรีตัดสินใจ จึงเสนอให้นายกรัฐมนตรีพิจารณว่าจะสั่งการให้ดำเนินการเรื่องนี้อย่างไร หากมีข้อสั่งการมาอย่างไรมาถึง ป.ป.ท.ก็จะไปดำเนินการต่อ" นายประยงค์กล่าว และว่า นโยบายของ รมว.ยุติธรรมจะให้ตรวจสอบและดำเนินการพิจารณารายชื่อนั้นเราจะมาทำกันทุกเดือนอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นการพิจารณาตามที่ร้องเรียนผ่านมาที่ 4 หน่วยงาน คือ ป.ป.ท. สำนักงานป้องกันและปราบปรามการฟอกเงิน (ปปง.) สำนักงานการตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) และกรมสอบสวนคดีพิเศษ (ดีเอสไอ) เพื่อดำเนินการกับผู้ที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต
นายประยงค์กล่าวว่า ปกติการลงโทษจะเน้นทางอาญา แต่ใช้เวลานานและไม่ค่อยเห็นผล นายกรัฐมนตรีจึงเห็นว่าควรเอามาตรการทางปกครองเข้ามาเกี่ยวข้อง การทำต่อจากนี้มาตรการทางอาญาจะดำเนินไปควบคู่ไปกับมาตรการปกครอง ขอยืนยันว่าจะตรวจสอบลงลึกไปให้ถึงผู้อยู่เบื้องหลังให้ลึกที่สุด หากไปแตะถึงผู้บังคับบัญชาก็ต้องดำเนินการ ผิดคือผิด ถูกคือถูก ไม่ได้กังวลว่าคนโน้นเป็นใคร คนนี้เป็นใคร
ผู้สื่อข่าวถามว่าข้าราชการที่มีรายชื่อนั้นมีส่วนเกี่ยวข้องกับคดีค้างเก่า เช่น การสร้างสนามฟุตซอล หรือเป็นคดีใหม่ นายประยงค์กล่าวว่า เกี่ยวข้องทั้งหมด เมื่อถามว่าผู้ที่มีรายชื่อ 100 คนถือว่าการดำเนินคดีถือเป็นที่สิ้นสุดหรือยัง นายประยงค์กล่าวว่า ไม่ขอลงรายละเอียด ไม่ยืนยันจำนวน เมื่อถามว่าแสดงว่าผลสอบสิ้นสุดแล้วจึงส่งให้นายกรัฐมนตรีพิจารณา นายประยงค์กล่าวว่า ส่วนที่ดำเนินคดีทางอาญายังเป็นไปตามขั้นตอนปกติ การส่งรายชื่อให้นายกรัฐมนตรีเพื่อดำเนินการทางปกครองนั้นจะมีบทลงโทษอย่างไร เมื่อไหร่ ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีพิจารณาว่าจะอยู่ขั้นไหน
เมื่อถามว่าจำเป็นที่นายกรัฐมนตรีต้องใช้มาตรา 44 ของรัฐธรรมนูญฉบับชั่วคราว นายประยงค์กล่าวว่า เรื่องนี้มีระเบียบบริหารราชการปกติระบุไว้อยู่แล้ว แต่ถือเป็นอำนาจนายกรัฐมนตรีพิจารณาว่าจะทำอย่างไร เมื่อถามว่าผู้ที่มีรายชื่อ ทางนายกรัฐมนตรีระบุว่าจะส่งกลับไปที่กระทรวงต้นสังกัด หากคิดว่าไม่ได้รับความเป็นธรรมสามารถชี้แจงได้หรือไม่ นายประยงค์กล่าวว่า เป็นขั้นตอนที่ต้องดำเนินการตามที่กฎหมายกำหนดว่าต้องทำอย่างไรบ้าง เมื่อถามว่าผู้มีรายชื่อส่วนใหญ่อยู่ในฝ่ายท้องถิ่น ฝ่ายปกครอง เช่น ตำรวจ มหาดไทย หรืองานหน่วยงานใดบ้าง นายประยงค์กล่าวว่า ได้แยกไปแล้วแต่ไม่ขอระบุ ทั้งนี้ตามสถิติที่ ป.ป.ท.ได้รับเรื่องร้องเรียนมานั้นจะเป็นไปในลักษณะที่ถาม
ผู้สื่อข่าวถามว่า การตรวจสอบข้าราชการเรื่องทุจริตเหมือนเป็นการแหย่รังแตน และตีรวนในการทำงานหรือไม่ นายประยงค์กล่าวว่า ข้าราชการมีบทบาทในแง่รักษาความสงบ ถ้ามีข้าราชการเข้าไปทุจริตแล้วไม่ดำเนินการจะเสียหายมากกว่าแล้วคนที่คิดจะทำจะได้ใจ ฉะนั้นเมื่อภาครัฐเอาจริงจะไปหยุดยั้งได้ จากที่มากจะน้อยลงและจะควบคุมได้ หากตีรวนไม่ทำงานมีกฎหมายกำกับอยู่และหัวหน้าส่วนต้องดำเนินการ ข้าราชการมีหน้าที่ต้องทำงาน หากไม่ทำถือว่าผิด
เมื่อถามว่าจะดำเนินการอย่างไรกับข้าราชการระดับสูงที่เข้าไปเกี่ยวข้องกับการทุจริต นายประยงค์กล่าวว่า บางส่วนหากพยานหลักฐานไปไม่ถึงเพราะอำนาจของหน่วยงานนั้นสาวไปไม่ถึง ต้องให้หน่วยงานข้างเคียงมาช่วย หากคดีไปเกี่ยวข้องกับเอกชนก็ดึงดีเอสไอเข้ามาช่วยทำงาน หากเรายอมจำนนเมื่อเอาผิดไปไม่ถึงปัญหาจะลุกลาม หากไม่ได้จริงๆ อาจไปถึงขั้นแก้กฎหมายเพื่อไปเชื่อมโยงกับคนที่อยู่เบื้องหลังให้ได้
พล.อ.ไพบูลย์กล่าวว่า ได้มอบหมายให้นายประยงค์นำรายชื่อขอข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตเสนอไปยัง พล.อ.ประยุทธ์เรียบร้อยแล้ว
รายงานข่าวแจ้งว่า หลังจากนี้คณะกรรมการต่อต้านการทุจริตแห่งชาติ (คตช.) จะเป็นผู้พิจารณา ดำเนินการตรวจสอบรายชื่อ พฤติการณ์ และเหตุผล แนบท้ายในการโยกย้าย ในส่วน ศอตช.จะพิจารณาทำรายชื่อข้าราชการที่ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่และทำให้เกิดความเสียหายกับภาครัฐอีกจำนวนหนึ่ง คาดว่ามากกว่า 100 คน
พล.อ.ประยุทธ์กล่าวถึงกรณีเลขาธิการ ป.ป.ท.ส่งรายชื่อข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับการทุจริตกว่า 100 รายให้แล้วว่า จะเรียกประชุม เพราะมีหลายหน่วยงานที่ส่งรายชื่อและได้รวบรวมส่งมาให้ตน ก็จะให้แต่ละหน่วยงานมาชี้แจงว่ามีเหตุผลและสาเหตุอย่างไร เพราะมีคดีความทั้งหมด และจะทำอย่างไรกันต่อ
ผู้สื่อข่าวถามว่า เป็นคดีเก่าที่มีการตรวจสอบกันอยู่แล้วใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ไม่รู้ว่าเก่าหรือไม่ ต้องไปถามแต่ละหน่วยงาน เพียงแต่บอกว่าอะไรก็ตามตั้งแต่วันที่เข้ามาเมื่อวันที่ 22 พฤษภาคม 2557 แล้วยังไม่ได้เข้าสู่กระบวนการสอบสวนก็ให้เข้าดำเนินการเสีย ไม่ได้เร่ง แต่ขอให้ดำเนินการตามกฎหมาย เมื่อถามว่าเท่าที่ได้ดูมีจำนวนกี่ราย พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า "เยอะมาก ยอมรับว่ามีข้าราชการระดับผู้ใหญ่ตั้งแต่อธิบดีขึ้นไปก็มี" เมื่อถามว่ามีข้าราชการที่เกี่ยวข้องกับที่ดินโบนันซ่า จ.นครราชสีมา ด้วยหรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ยังไม่เห็น
เมื่อถามว่าจะใช้มาตรา 44 ในการดำเนินการให้เด็ดขาดเลยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวย้อนถามว่า มาตรา 44 ใช้ทำอะไรได้บ้าง มาตรา 44 อย่างไรก็ต้องใช้ กฎหมายปกติก็ต้องใช้ ในมาตรา 44 ให้อำนาจทหารเข้าไปทำงานได้เพื่อช่วยกระทรวงทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม เพราะทหารไม่มีอำนาจ ดังนั้นเมื่อทหารเข้าไปก็สามารถมีอำนาจเข้าไปตรวจค้น ส่วนเจ้าหน้าที่ตำรวจและกระทรวงทรัพยากรฯ ก็ต้องไปพร้อมกันกับเรา ซึ่งเวลาจับกุมก็ต้องใช้กฎหมายป่าไม้ สอบสวนด้วยกฎหมายป่าไม้ ซึ่งต้องให้ความเป็นธรรมกับทุกๆ ฝ่าย เดี๋ยวจะหาว่าไปบังคับและใช้กฎหมายพิเศษ ซึ่งเราไม่ทำ
"ดีกว่าไอ้บางพวกที่ใช้กฎหมายปกติ แต่ทำให้พิเศษขึ้น ที่ผ่านมาใช้กันแบบนี้" พล.อ.ประยุทธ์กล่าว
เมื่อถามว่าถือเป็นการปฏิรูปข้าราชการที่ทุจริตหมดไปจากแผ่นดินไทยใช่หรือไม่ พล.อ.ประยุทธ์กล่าวว่า ทำไมดุเดือดจัง ครั้งนี้ไม่ใช่การเชือดไก่ให้ลิงดู แต่ทุกอย่างทำไปตามกฎหมาย เมื่อส่งข้อมูลเข้ามาต้องไปดูว่าคดีความขนาดไหน ถ้าร้ายแรงก็ต้องสอบสวน ถ้าผิดต้องปลดและดำเนินคดีทางอาญา แต่หากเป็นข้าราชการชั้นผู้น้อยที่ทำผิดเพราะต้องทำตามคำสั่งผู้บังคับบัญชา ต้องมาดูว่าเหตุผลที่ทำไปนั้นเป็นเพราะอะไร เพราะมีอำนาจทางการปกครองเหมือนกับการทำงานที่ทุกคนก็ต้องกลัวหัวหน้า
ช่วงท้าย พล.อ.ประยุทธ์ยังกล่าวกับสื่อว่า "ที่ผ่านมาในการสัมภาษณ์ไม่เคยว่าสื่อ แต่บางครั้งในการพูดคุยกันอาจจะแรงบ้าง หนักบ้าง เบาบ้าง แต่ผมไม่ได้เกลียดคุณ แต่ต้องยอมรับว่าบางคำถามเหมือนกับทำให้ทุกอย่างต้องกลับไปเริ่มต้นใหม่ ขณะที่กำลังคิดที่จะเดินไปข้างหน้าก็ต้องกลับมาคิดใหม่ มันไม่ได้ ยอมรับว่าเรารับเรื่องเยอะ แต่ด้วยตัวของผมรักทุกคน ทุกวันนี้ก็คิดบวกเยอะมากขึ้นแล้ว เพราะได้รับการสั่งสอนมาว่า เวลาโกรธใครถ้าปล่อยให้โกรธไปเรื่อยๆ วันข้างหน้าจะคบเขาไม่ได้ มันไม่ดีแต่ก็ยอมรับว่าก็เคยโกรธนักข่าวบ้างเหมือนกัน เพราะเป็นมนุษย์ก็ต้องมีโกรธบ้าง การพูดจาก็ต้องมีความขัดแย้งกันบ้าง"
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า พล.อ.ประยุทธ์มีสีหน้ายิ้มแย้มแจ่มใสและอารมณ์ดี พูดคุยหยอกล้อกับสื่อมวลชนตลอดเวลา ขณะที่ขึ้นไปนั่งบนรถยนต์แล้วยังลดกระจกลงมาพูดคุยพร้อมอวยพรว่า "ปีใหม่นี้ ขอให้โชคดีทุกคน"
--------------------------------------------------------------------------------
(ข่าวน.1 มติชนรายวัน 11 เมษายน 2558)
Advertisement
เปิดอ่าน 33,024 ครั้ง เปิดอ่าน 12,711 ครั้ง เปิดอ่าน 14,317 ครั้ง เปิดอ่าน 8,224 ครั้ง เปิดอ่าน 10,227 ครั้ง เปิดอ่าน 3,201 ครั้ง เปิดอ่าน 4,645 ครั้ง เปิดอ่าน 10,750 ครั้ง เปิดอ่าน 9,525 ครั้ง เปิดอ่าน 3,766 ครั้ง เปิดอ่าน 9,953 ครั้ง เปิดอ่าน 7,095 ครั้ง เปิดอ่าน 3,269 ครั้ง เปิดอ่าน 2,856 ครั้ง เปิดอ่าน 13,326 ครั้ง เปิดอ่าน 8,110 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 14,403 ☕ 31 ต.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 493 ☕ 19 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 665 ☕ 15 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 757 ☕ 15 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 3,352 ☕ 13 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 2,051 ☕ 13 พ.ย. 2567 |
เปิดอ่าน 948 ☕ 13 พ.ย. 2567 |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 30,134 ครั้ง |
เปิดอ่าน 16,568 ครั้ง |
เปิดอ่าน 37,088 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,156 ครั้ง |
เปิดอ่าน 80,842 ครั้ง |
|
|