
แค่ท่องเข้าไปในโลกออนไลน์ ผ่านคอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ทโฟนที่กลายเป็นเสมือนส่วนหนึ่งของร่างกายที่ติดตามเราไปทุกที่ ข้อมูลความรู้ที่เราต้องการ หรือสารพัดคำตอบก็หลั่งไหลมาได้อย่างท่วมท้น
แต่ข้อมูลเหล่านี้ไม่ได้เป็นข้อเท็จจริง 100% จำเป็นจะต้องได้รับการกลั่นกรองให้ดีเสียก่อน โดยเฉพาะเยาวชนที่อาจจะยังขาดวิจารณญาณและประสบการณ์มากพอ อาจได้รับข้อมูลผิด ๆ ได้ แต่ใครกันล่ะที่จะบอกได้ว่าข้อมูลใดน่าเชื่อถือ ข้อมูลใดนำไปปรับใช้กับชีวิตจริงได้ หรือวิธีการเลือกใช้เครื่องมือที่ถูกต้องนั้นควรเป็นไปในแนวทางใด เพื่อให้องค์ความรู้ที่อนาคตของชาติจะรับเข้าไปเหล่านี้ถูกต้องและสมบูรณ์ หน้าที่ก็คงต้องตกมาอยู่ที่ครูและผู้ปกครอง
นายตวง อันทะไชย ประธานคณะกรรมาธิการการศึกษาและการกีฬา สภานิติบัญญัติแห่งชาติ กล่าวเอาไว้ในงานแม็ค เอ็ดดูก้า 2015 (MAC EDUCA 2015) กิจกรรมอบรมครูทุกระดับที่จัดโดย บริษัท แม็คเอ็ดดูเคชั่น จำกัด เมื่อเร็ว ๆ นี้ว่า เมื่อโลกเปลี่ยน ครูก็ต้องเปลี่ยน ต่อไปนี้ครูจะไม่ใช่คนที่หยิบยื่นวิชาความรู้ให้อย่างเดียว แต่ต้องสามารถชี้หนทางให้เด็กทราบได้ว่าวิชาความรู้อยู่ที่ไหน พร้อมทั้งสอนทักษะการจัดการความรู้เหล่านั้นได้อย่างถูกต้องและเหมาะสม เด็ก ๆ ควรจะได้นำความรู้ที่อยู่ภายนอกเข้าไปผสานกับความรู้ที่อยู่ในตัวเอง เพื่อให้เกิดเป็นองค์ความรู้ใหม่อันนำไปใช้ได้จริง ทักษะเหล่านี้ควรจะเป็นสิ่งที่ครูควรสอนเด็กให้มากกว่าเดิม
“ในเมื่อหัวใจสำคัญของการปฏิรูปการศึกษาคือ ครู ดังนั้นครูเองจะต้องเป็นประตูสำคัญที่จะทำให้เด็กไทยของเราอ่านออกเขียนได้ ต้องเป็นผู้สร้างพัฒนาการให้เด็กอย่างมีมิติครบทุกส่วนผ่านวิชาการเรียนการสอน คือ ทางกาย ทางสังคม และสติปัญญา ที่จะถูกพัฒนาไปร่วมกันทั้งหมด ในอีก 1-2 ปีนี้เด็กไทยจะยึดหลัก เก่ง ดี มีสุข คงไม่พอเสียแล้ว เพราะยังต้องมีความสามารถที่จะแข่งขันกับประชาคมอาเซียนได้อีกด้วย ดังนั้น ครูยุคใหม่ที่จะมาเป็นผู้ชี้ทางให้กับเด็กในยุคดิจิตอลเช่นนี้ ควรจะปรับเปลี่ยนวิธีคิด พัฒนาวิธีทำ ควบคู่ไปกับทุกฝ่ายที่เกี่ยวข้อง ร่วมมือกันแก้ปัญหาที่เกิดขึ้น”
ผศ.ดร.ชัยฤทธิ์ ศิลาเดช อธิการบดีมหาวิทยาลัยราชภัฏหมู่บ้านจอมบึง ราชบุรี ได้แนะแนวทางให้กับครูเพื่อพร้อมจะก้าวสู่ศตวรรษที่ 21 ว่า ห้องเรียนหรือเกิดขึ้นได้ทุกที่ ที่มีครู นักเรียน และการลงมือปฏิบัติ แม้การเรียนการสอนในยุคนี้ผู้เรียนสำคัญที่สุด แต่ครูนั้นยิ่งสำคัญกว่า ครูในยุคนี้สมัยนี้ต้องรู้จักปรับวิธีการสอนจากที่เคยทำมา โดยสอนให้น้อยลง แต่ฝึกให้เด็กได้คิด ปฏิบัติและลงมือทำให้มากขึ้น เพื่อเกิดบูรณาการทางสมอง สามารถนำไปใช้ได้ในชีวิตจริง
ด้าน ครูจีรภัทร์ สุกางโฮง หรือ ครูนกเล็ก จากโรงเรียนบางมด ตันเปาวิทยาคาร ครูรุ่นใหม่ซึ่งเป็นที่รู้จักกันดีในโลกออนไลน์ เป็นหนึ่งในวิทยากร กล่าวว่า การสอนด้วยวิธีเดิมๆ คงไม่พอเสียแล้ว เพราะรอบตัวของเด็กนั้นมีวัตถุนิยมมากมายเข้ามาเป็นตัวแปรที่จะดึงความสนใจไปจากสิ่งที่ครูหยิบยื่นให้ ดังนั้นครูเองจะต้องฉวยโอกาสเหล่านั้นมาปรับให้เข้ากับเนื้อหาที่ต้องการจะสื่อสารให้ได้ เราควรเข้าใจว่ากำลังสื่อสารกับใคร และเป็นเด็กวัยไหน โดยเฉพาะอย่างยิ่งเด็กที่กำลังอยู่ในวัยสร้างความทรงจำช่วงประถมศึกษา 1-3 นั้น หากเกิดความรู้สึกไม่ดีต่อการเรียน ก็จะทำให้เขาฝังรากลึกในความรู้สึกที่จะปฏิเสธการเรียนไปจนโต
“ครูต้องพยายามใช้สื่อที่เด็กสนใจอย่างคลิปวิดีโอ มาดัดแปลงเนื้อหาบทเรียนให้เข้ากับเทรนด์ปัจจุบันที่เด็กกำลังให้ความสนใจ เมื่อเด็กมีความสนใจใคร่รู้และเกิดอารมณ์ร่วมในสิ่งที่เรากำลังพยายามสื่อสาร จะยิ่งทำให้เกิดสมาธิจดจ่อกับบทเรียน และซึมซับเนื้อหาได้ง่ายขึ้น ดังนั้นครูในศตวรรษที่ 21 จะต้องเริ่มปรับและเตรียมพร้อมแนวทางการสอนใหม่ ๆ มารองรับเด็กสมัยนี้ให้มากขึ้นกว่าเดิมเพื่อให้บรรลุเป้าหมายทางการสอนอย่างแท้จริง”
นี่อาจจะเป็นมิติใหม่เพื่อแก้ปัญหาการเรียนการสอนในยุคปัจจุบัน ครูต้องพร้อมที่จะทุ่มเทประสิทธิ์ประสาทวิชาความรู้ให้กับศิษย์ด้วยวิธีการที่ทันสมัย อย่างเข้าใจธรรมชาติการเรียนรู้ของเด็กที่เปลี่ยนแปลงไป.
นภาพร พานิชชาติ
napapornp@dailynews.co.th
ขอบคุณที่มาภาพและเนื้อหาจาก เดลินิวส์