Advertisement
น้ำขิงมะนาว เครื่องดื่มบำรุงสุขภาพที่อัดแน่นไปด้วยคุณค่าจากพลังสมุนไพร และยังมีรสเปรี้ยวอมเผ็ดที่จะช่วยเพิ่มความสดชื่นตื่นตัวให้กับร่างกายได้เป็นอย่างดี
ช่วงนี้อากาศเปลี่ยนแปลงบ่อย ใครที่อาการหวัดเริ่มถามหาแล้ว ลองดูเมนูเครื่องดื่มสุดเฮลตี้ที่เราเอามาฝากกันหน่อยดีกว่า นั่นคือ น้ำขิงมะนาว ซึ่งน้ำขิงมะนาวไม่เพียงแต่จะช่วยป้องกันไม่ให้เราเป็นหวัดแล้ว ยังทำให้เราเบิร์นไขมันหน้าท้องได้ง่ายขึ้นด้วย แต่ประโยชน์ของน้ำขิงมะนาวยังไม่หมดเพียงแค่นี้ จะมีอะไรบ้าง ต้องลองอ่านกันดูจ้า
น้ำขิงมะนาวดีต่อร่างกายอย่างไร
น้ำขิงมะนาว ฟังชื่ออาจเป็นเพียงแค่เครื่องดื่มสมุนไพรธรรมดา ๆ แต่รู้กันหรือไม่ว่า การจิบน้ำขิงมะนาวเป็นประจำทุกวันนั้นจะช่วยให้เราป่วยยากขึ้น เพราะในเหง้าขิงสดมีสารจินเจอรอล ที่มีคุณสมบัติยับยั้งการติดเชื้อแบคทีเรีย และยังมีรสเผ็ดร้อนที่ช่วยปรับสมดุลระบบทางเดินอาหารของเราด้วย
ส่วนประโยชน์ที่ได้จากผลมะนาวนั้น ประการแรกเลยคือ มีวิตามินซีสูงช่วยกระตุ้นระบบไหลเวียนโลหิตให้เป็นปกติ และยังมีสารไบโอฟลาโวนอยด์ ซึ่งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระช่วยชะลอความเสื่อมของเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกายเรา ดังนั้น หากเรานำคุณประโยชน์ที่ได้จากขิงและมะนาวมารวมอยู่ในเมนูเครื่องดื่ม น้ำขิงมะนาว ก็เท่ากับว่าเราสามารถป้องกันตัวเองจากโรคเสื่อมต่าง ๆ ได้หลายชนิดเลยทีเดียว ได้แก่ โรคมะเร็ง โรคข้ออักเสบรูมาตอยด์ โรคหลอดเลือดสมองอุดตัน (Stroke) และโรคหัวใจ เป็นต้น
10 ประโยชน์ดี ๆ ที่หาได้จากน้ำขิงมะนาว
น้ำขิงมะนาวรสชาติเปรี้ยวอมเผ็ดจะมีดีต่อสุขภาพของเราอย่างไรบ้างนะ มาอ่านกันเลย
1. ช่วยดีท็อกซ์สารพิษตกค้างในร่างกาย
การจิบน้ำขิงมะนาวเป็นประจำทุกเช้าจะช่วยให้ร่างกายได้ดีท็อกซ์ของเสียที่ตกค้างอยู่ในตับ และยังช่วยให้ระบบไหลเวียนน้ำเหลืองทำงานเป็นปกติอีกด้วย
2. บรรเทาอาการเจ็บคอ
ใครที่มีอาชีพที่ต้องใช้เสียงมากในการทำงาน ทำให้มักมีอาการเจ็บคออยู่บ่อย ๆ เราขอแนะนำให้จิบน้ำขิงมะนาวดู เพราะจากข้อมูลของ Encyclopedia of Herbal Medicine แนะนำมาว่า น้ำขิงมะนาวมีคุณสมบัติบรรเทาอาการเจ็บคอ ด้วยพลังจากผลมะนาวที่มีรสขมหน่อย ๆ จะช่วยให้ร่างกายกระตุ้นน้ำลายออกมามากขึ้น นอกจากนี้แล้วยังได้รับประโยชน์จากขิงที่ช่วยลดการติดเชื้อในลำคอของเรา ทำให้อาการเจ็บคอดีขึ้น
3. ชะลอความเสื่อมของเซลล์
ประโยชน์ในน้ำขิงมะนาวนั้น นอกจากจะมีสารต้านอนุมูลอิสระแล้ว ยังอุดมด้วยวิตามินซีและบี ที่ช่วยป้องกันเซลล์ผิวถูกทำร้าย มีแร่ธาตุสำคัญเช่น ฟอสฟอรัส แมกนีเซียมที่ช่วยบำรุงกระดูก กระตุ้นสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิว และยังบำรุงต่อมหมวกไตอีกด้วย
4. ช่วยย่อยอาหาร
สำหรับใครที่ชอบมีอาการอาหารไม่ย่อยเป็นประจำ ขอแนะนำให้ลองจิบน้ำขิงมะนาวในตอนเช้าดู เพราะน้ำขิงมะนาวจะช่วยกระตุ้นให้ตับผลิตน้ำย่อยออกมามากขึ้น เวลากินอาหารในมื้ออื่น ๆ เราจะได้ไม่รู้สึกอึดอัดท้อง และมีอาการท้องอืด
5. ช่วยลดน้ำหนัก
จากผลการวิจัยในวารสาร Clinical Biochemistry and Nutrition จากประเทศญี่ปุ่น เผยว่า การจิบน้ำขิงมะนาวอย่างน้อยวันละครั้งจะช่วยกระตุ้นให้ร่างกายสร้างเอนไซม์ Acyl-CoA oxidase ออกมามากขึ้น ดึงเอาไขมันที่ถูกสะสมไว้มาเผาผลาญเป็นพลังงาน โดยไขมันที่ถูกเบิร์นนั้นจะถูกร่างกายขับออกในรูปของปัสสาวะ
6. ช่วยบำรุงผิวพรรณ
ใครที่มีผิวพรรณไม่ค่อยเปล่งปลั่งสดใส ลองจิบน้ำขิงมะนาวแทนเครื่องดื่มพวกชา กาแฟดูนะคะ เพราะในน้ำขิงมะนาวอุดมไปด้วยวิตามินซีที่จะช่วยกระตุ้นการไหลเวียนเลือด ซ่อมแซมเซลล์ที่ถูกสารอนุมูลอิสระทำร้าย และยังกระตุ้นให้เกิดการสร้างคอลลาเจนใต้ชั้นผิวอีกด้วย
7. บรรเทาอาการหวัด
น้ำขิงมะนาวช่วยป้องกันโรคหวัดได้ เพราะคุณค่าจากมะนาวที่มีวิตามินซีสูง ช่วยลดการสะสมของเชื้อโรคในระบบทางเดินหายใจของเรา รวมถึงความเผ็ดร้อนของขิงที่จะช่วยให้ร่างกายขับเหงื่อออกมามากขึ้น เป็นการบรรเทาอุณหภูมิความร้อนในร่างกายให้ลงต่ำลง หากจิบน้ำขิงมะนาวอุ่น ๆ เป็นประจำทุกวันก็จะช่วยให้อาการหวัดดีขึ้น
8. เพิ่มความสดชื่นตื่นตัว
ขิงเป็นสมุนไพรรสเผ็ดร้อนที่ช่วยกระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัวได้ คล้ายกับสารคาเฟอีนในกาแฟ ดังนั้น หากเช้าวันไหนรู้สึกตื่นมาแล้วไม่สดชื่น ก็ลองชงน้ำขิงมะนาวเพิ่มพลังดูนะคะ
9. เพิ่มการเผาผลาญไขมัน
น้ำขิงมะนาวช่วยเพิ่มการเผาผลาญพลังงานในร่างกายได้สูงถึงร้อยละ 20 เพราะรสชาติเผ็ดร้อนของขิงนั้นช่วยเพิ่มการเผาผลาญไขมันได้ถึงร้อยละ 5 น้ำขิงมะนาว จึงเหมาะกับคนที่มีเวลาออกกำลังกายน้อย แต่อยากให้พุงยุงเร็ว
10. ช่วยผ่อนคลายกล้ามเนื้อ
หลังการออกกำลังกายเสร็จแล้ว หากไม่อยากให้กล้ามเนื้ออ่อนล้าจากการออกแรงบริหารกาย ลองจิบน้ำขิงมะนาวอุ่น ๆ สักแก้วดู จะช่วยคืนความสดชื่นให้ร่างกายหลังเสียเหงื่อ กระตุ้นให้เลือดลมไหลเวียนดี กล้ามเนื้อของเราก็จะฟื้นตัวจากการบาดเจ็บได้เร็วขึ้น
วิธีทำน้ำขิงมะนาวอย่างง่าย บำรุงสุขภาพได้ทุกวัน
เครื่องดื่มน้ำขิงมะนาวมีวิธีการทำที่ง่ายมาก แต่ก็มีสิ่งที่ควรคำนึงคือ หากต้องการให้ได้รับประโยชน์แบบเต็ม ๆ ควรใช้ขิงสด แทนการชงด้วยน้ำขิงซองค่ะ
เรามาดูกันดีกว่า วิธีน้ำขิงมะนาวมีขั้นตอนอย่างไรบ้าง
1. เตรียมน้ำอุ่น 1 แก้ว
2. ฝานเหง้าขิงให้ได้ขนาดประมาณ ½ นิ้ว จากนั้นนำไปแช่ไว้ในแก้วน้ำอุ่นที่เตรียมไว้นานประมาณ 3-5 นาที
3. คั้นน้ำมะนาวเพิ่มลงไป หรือจะใช้ฝานมะนาวเป็นชิ้นบาง ๆ แช่ลงไปก็ได้
4. หากต้องการความหวานสามารถเพิ่มน้ำผึ้งลงไปประมาณ ½ ช้อนชา เพื่อกลบรสชาติเผ็ดร้อนของขิง
5. พยายามชงจิบให้ได้ติดต่อกันนาน 28 วัน หรือประมาณ 4 สัปดาห์ แนะนำว่าให้ชงจิบตอนเช้าดีกว่าก่อนนอน เพราะขิงมีฤทธิ์คล้ายสารคาเฟอีนคือ กระตุ้นให้ร่างกายตื่นตัว อาจส่งผลให้นอนไม่หลับในตอนกลางคืน
น้ำขิงกับข้อยกเว้นด้านสุขภาพ
สำหรับคนที่มีปัญหาเรื่องสุขภาพบางอย่าง เมนูเครื่องดื่มน้ำขิงมะนาวนี้อาจจะไม่เหมาะสมเท่าไรนัก เพราะอาจทำให้ปัญหาสุขภาพที่มีอยู่เป็นหนักขึ้น จากคุณสมบัติบางประการของขิง ดังนี้
1. คนที่มีปัญหาระบบย่อยอาหาร การจิบชาขิงช่วยย่อยมากเกินไป อาจทำให้เรามีอาการคลื่นไส้ และท้องเสียได้ เพราะขิงกระตุ้นให้เกิดกรดในกระเพาะอาหาร และลดระดับความดันเลือด ไม่เหมาะสำหรับคนเป็นโรคเบาหวาน
2. คนที่จะเข้ารับการผ่าตัด หรือทำศัลยกรรม ควรงดดื่มเครื่องดื่มที่มีขิงเป็นส่วนประกอบ หรืออาหารที่มีขิงประมาณ 1 สัปดาห์ เพราะขิงมีผลต่อการหยุดไหลของเลือด ทำให้เลือดแข็งตัวช้า หากผ่าตัดหรือทำศัลยกรรมจะทำให้แผลหายช้า บวม และอักเสบได้
3. คนที่มีร่างกายอ่อนเพลียจากการนอนน้อย ไม่ควรจิบน้ำขิงก่อนนอน จะทำให้นอนได้ไม่เต็มอิ่มนัก ทางที่ดีควรดื่มในตอนเช้าดีกว่า
4. คนที่มีปัญหาสุขภาพระบบไหลเวียนโลหิต ไม่ควรดื่มชาขิง เพราะจะยิ่งทำให้หลอดเลือดหนาตัวขึ้น อาจเกิดโรคฮีโมฟีเลีย (Hemophilia) หรือเลือดออกง่าย แข็งตัวยาก หลอดเลือดหนาตัวขึ้น เกล็ดเลือดจับตัวเป็นลิ่ม
5. คนที่มีปัญหาโรคความดันโลหิตต่ำ การดื่มชาขิงจะยิ่งทำให้การไหลเวียนของเลือดช้าลงกว่าเดิม อาจทำให้เลือดไปเลี้ยงสมองไม่พอ เกิดอาการวูบ เป็นลม หมดสติได้
6. ผู้หญิงตั้งครรภ์ และผู้หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร การดื่มชาขิงในตอนเช้าอาจช่วยบรรเทาอาการแพ้ท้องได้ แต่ความจริงแล้วไม่เป็นผลดีต่อลูกในท้องเท่าไรนัก เพราะน้ำขิงมีผลต่อน้ำนมที่ให้เด็กได้ อาจทำให้เด็กแรกเกิดแพ้น้ำนมแม่ได้
7. คนป่วยโรคนิ่วในถุงน้ำดี ไม่ควรดื่มน้ำขิง เพราะจะเป็นการกระตุ้นให้ร่างกายผลิตน้ำดีออกมา ทำให้เกิดการอุดตันของทางเดินน้ำดี
ขอบคุณที่มาจาก กระปุก.คอม
Advertisement
เปิดอ่าน 9,858 ครั้ง เปิดอ่าน 11,816 ครั้ง เปิดอ่าน 5,733 ครั้ง เปิดอ่าน 11,338 ครั้ง เปิดอ่าน 12,498 ครั้ง เปิดอ่าน 16,991 ครั้ง เปิดอ่าน 17,176 ครั้ง เปิดอ่าน 3,710 ครั้ง เปิดอ่าน 13,575 ครั้ง เปิดอ่าน 9,288 ครั้ง เปิดอ่าน 12,818 ครั้ง เปิดอ่าน 12,989 ครั้ง เปิดอ่าน 16,574 ครั้ง เปิดอ่าน 9,235 ครั้ง เปิดอ่าน 30,811 ครั้ง เปิดอ่าน 12,591 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 8,920 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 14,467 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 10,844 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 19,723 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 19,406 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 15,725 ☕ คลิกอ่านเลย |
เปิดอ่าน 1,905 ☕ คลิกอ่านเลย |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 16,339 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,492 ครั้ง |
เปิดอ่าน 19,631 ครั้ง |
เปิดอ่าน 17,417 ครั้ง |
เปิดอ่าน 3,138 ครั้ง |
|
|