สวัสดีค่ะ เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน ทุกวันนี้ปัญหาหนี้สินนับว่าเป็นเรื่องสำคัญลำดับต้นๆ สำหรับข้าราชการครูส่วนใหญ่ ซึ่งหากเป็นหนี้แล้วท่านปฏิบัติตนเป็นลูกหนี้ที่ดี ชำระหนี้ครบถ้วนตามกำหนดนัดก็คงไม่มีปัญหาอะไร แต่หากเป็นหนี้แล้ว ท่านมีพฤติกรรมอันแสดงได้ว่ามีเจตนาที่จะไม่ชำระหนี้ กรณีนี้อาจเป็นความผิดทางวินัยได้นะคะ
ดิฉันขอยกตัวอย่างกรณีที่เกิดขึ้นจริงและผ่านการพิจารณาของ ก.ค.ศ. โดย อ.ก.ค.ศ.วิสามัญเกี่ยวกับวินัยและการออกจากราชการ (ที่ทำการแทน ก.ค.ศ.) เมื่อเร็วๆ นี้ เพื่อเป็นอุทาหรณ์ โดยมีข้อเท็จจริงว่า นาง บ. ตำแหน่งครู วิทยฐานะครูชำนาญการพิเศษ ถูกร้องเรียนว่าชอบออกไปนอกบริเวณโรงเรียนก่อนได้รับอนุญาตจากผู้บังคับบัญชา แสดงพฤติกรรมและใช้คำพูดที่ไม่สุภาพเรียบร้อยกับนักเรียน และกู้ยืมเงินกองทุนหมู่บ้านแล้วไม่ชำระหนี้ ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษาแต่งตั้งคณะกรรมการสอบสวนวินัยไม่ร้ายแรง ผลการสอบสวนรับฟังได้ว่า นาง บ. มีพฤติกรรมตามที่ถูกร้องเรียนจริง กล่าวโดยเฉพาะกรณีการกู้ยืมเงิน ปรากฏว่า นาง บ. ได้กู้ยืมเงินกองทุนต่างๆ 3 กองทุน กองทุนที่ 1 นาง บ. กู้ยืมเงินจำนวน 130,000 บาท กองทุนที่ 2 นาง บ. กู้ยืมเงินจำนวน 150,000 บาท และกองทุนที่ 3 นาง บ. กู้ยืมเงินจำนวน 80,000 บาท จำนวนหนี้กู้ยืมเงินทั้งสามยอดดังกล่าวเมื่อครบกำหนดชำระหนี้ คณะกรรมการกองทุนได้ไปติดตามทวงถามให้ชำระหนี้หลายครั้ง นาง บ. ก็บ่ายเบี่ยงไม่ชำระหนี้ คณะกรรมการกองทุนก็เอื้อเฟื้อผ่อนปรนเรื่อยมา และต่อมามีการทำสัญญาประนอมหนี้ นาง บ. ก็ไม่ยอมชำระหนี้อีก พฤติการณ์ดังกล่าวย่อมแสดงให้เห็นได้ว่า นาง บ. มีเจตนาที่จะไม่ชำระหนี้นั่นเอง
คณะกรรมการสอบสวนวินัย ผู้อำนวยการสำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา และ ก.ค.ศ. พิจารณาแล้วเห็นสอดคล้องต้องกันว่าพฤติการณ์ของนาง บ. เป็นความผิดวินัยไม่ร้ายแรงตามมาตรา 88 วรรคหนึ่ง และมาตรา 94 วรรคหนึ่ง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ. 2547 กรณีไม่ประพฤติเป็นแบบอย่างที่ดีแก่ผู้เรียนและไม่สุภาพเรียบร้อย กรณีไม่รักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของตำแหน่งหน้าที่ราชการของตนมิให้เสื่อมเสีย โดยกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่ว ตามที่ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษตัดเงินเดือน 5% เป็นเวลา 2 เดือนนั้น เหมาะสมกับกรณีความผิดแล้ว ก.ค.ศ.จึงมีมติรับทราบการลงโทษดังกล่าว
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้ น่าจะเป็นข้อเตือนใจได้เป็นอย่างดีว่า นอกจากครูจะมีหน้าที่อบรมสั่งสอนให้วิชาความรู้แก่ศิษย์แล้ว ยังมีหน้าที่สำคัญอีกประการหนึ่งที่จะต้องรักษาชื่อเสียงและเกียรติศักดิ์ของความเป็นครูและประพฤติปฏิบัติตนให้เป็นแบบอย่างที่ดีแก่ศิษย์ด้วย สำหรับเพื่อครูท่านใดที่ก่อหนี้ขึ้นมาแล้ว ก็ต้องมีวินัยการเงิน และปฏิบัติตนเป็นลูกหนี้ที่ดี ชำระหนี้ให้ครบจำนวนและตามกำหนดนัดนะคะ แล้วพบกันใหม่วันจันทร์หน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา มติชน วันจันทร์ที่ 9 กุมภาพันธ์ 2558