สวัสดีค่ะ เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน เรื่องที่จะนำเสนอในวันนี้เป็นเรื่องเกี่ยวกับการใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการรับรองบุคคลในการขอมีบัตรประจำตัวประชาชน ซึ่งนับว่าเป็นเรื่องใกล้ตัวที่อาจเกิดขึ้นได้กับทุกท่าน หากเป็นการรับรอบบุคคลอันเป็นเท็จและมีการแสวงหาผลประโยชน์ด้วย นอกจากจะเป็นความผิดวินัยแล้ว ยังเป็นความผิดทางอาญาด้วย ขอยกตัวอย่างข้อเท็จจริงดังนี้
นาย ก. ตำแหน่งครูโรงเรียนแห่งหนึ่ง มีกรณีถูกกล่าวหาว่ามีส่วนร่วมในการนำบุคคลต่างด้าวมาสวมสิทธิเป็นราษฎรไทย โดยการนำทะเบียนบ้านของนักเรียนประจำชั้นมาคัดเลือกบุคคล เพื่อให้ผู้ร่วมขบวนการนำบุคคลต่างด้าวมาสวมสิทธิเป็นราษฎรไทย นาย ก. ได้ให้การรับรองบุคคลต่างด้าวว่าเป็นราษฎรไทย เพื่อการขอมีบัตรประจำตัวประชาชน และได้รับเงินตอบแทน และบุคคต่างด้าวได้ปลอมลายมือชื่อของผู้ที่ถูกสวมสิทธิเพื่อขอมีบัตรประจำตัวประชาชน เมื่อได้บัตรประจำตัวประชาชนมาแล้ว ได้แจ้งย้ายทะเบียนบ้านเพื่อให้ยากแก่การติดตาม ตรวจสอบ หลังจากนั้นได้มีการใช้น้ำยาลบคำผิดป้ายทับข้อมูลการย้ายในทะเบียนบ้านก่อนส่งคืนผู้ปกครองนักเรียน นาย ก. ถูกดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรงและในขณะเดียวกันก็ถูกดำเนินคดีอาญาด้วย
ทางวินัย ผู้บังคับบัญชาเห็นว่าการกระทำของนาย ก. นับว่าก่อให้เกิดความเสียหายอย่างร้ายแรงแก่ทางราชการ และสร้างความเสียหายแก่ประชาชนทั่วไปที่ถูกบุคคลต่างด้าวสวมสิทธิและนำบัตรประจำตัวประชาชนฉบับใหม่ไปใช้แอบอ้างพฤติการณ์ เป็นความผิดวินัยอย่างร้ายแรงตามมาตรา 82 วรรคสอง มาตรา 95 และมาตรา 98 วรรคสอง แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการพลเรือน พ.ศ.2535 (ที่ใช้อยู่ในขณะกระทำความผิดนั้น) กรณีอาศัยอำนาจหน้าที่ราชการของตนหาประโยชน์ให้แก่ตนเองหรือผู้อื่น กรณีกระทำการหรือยอมให้ผู้อื่นกระทำการหาประโยชน์อันอาจทำให้เสื่อมเสียความเที่ยงธรรมหรือเสื่อมเสียเกียรติในตำแหน่งหน้าที่ราชการของตน และกรณีกระทำการอันได้ชื่อว่าเป็นผู้ประพฤติชั่วอย่างร้ายแรง จึงสั่งลงโทษไล่ออกจากราชการ ตามมติ อ.ก.ค.ศ.เขตพื้นที่การศึกษา
เมื่อนาย ก. ถูกลงโทษไล่ออกจากราชการ นาย ก. จึงอุทธรณ์คำสั่งลงโทษต่อ ก.ค.ศ.
ก.ค.ศ.พิจารณาแล้วเห็นว่าเพื่อประโยชน์แห่งความยุติธรรมและให้โอกาส นาย ก. ได้ต่อสู้คดีอาญาอย่างเต็มที่ จึงมีมติให้รอผลคดีอาญาถึงที่สุด
ต่อมาคดีอาญาถึงที่สุดโดยศาลอุทธรณ์ภาค 3 พิพากษาให้ลงโทษจำคุก นาย ก. 3 เดือน และปรับ 5,000 บาท ในความผิดฐานเป็นตัวการร่วมในการปลอมแปลงเอกสาร ปลอมเอกสารสิทธิและเอกสารราชการ แจ้งให้เจ้าพนักงานจดข้อความอันเป็นเท็จลงในเอกสารราชการ ใช้และอ้างเอกสารปลอม
ก.ค.ศ.พิจารณาแล้วเห็นว่า นาย ก. กระทำผิดจริงตามข้อกล่าวหา โทษไล่ออกจากราชการเหมาะสมกับกรณีความผิดแล้ว จึงมีมติเป็นเอกฉันท์ให้ยกอุทธรณ์
เรื่องที่นำมาบอกเล่ากันในวันนี้ นับว่าเป็นอุทาหรณ์เตือนใจได้เป็นอย่างดีว่า ก่อนที่จะใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการของท่านทำการรับรองไม่ว่าในเรื่องใดๆ สมควรระมัดระวังและพิจารณาให้รอบคอบ และที่สำคัญต้องไม่ใช้ตำแหน่งหน้าที่ราชการในการแสวงหาผลประโยชน์ที่มิควรได้โดยชอบด้วยกฎหมายนะคะ แล้วพบกันใหม่วันจันทร์หน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกี้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา มติชน วันจันทร์ที่ 2 กุมภาพันธ์ 2558