Advertisement
คณะรัฐมนตรี (ครม.) มีมติเมื่อวันที่ 27 มกราคมที่ผ่านมา ให้วันจันทร์ที่ 4 พฤษภาคม 2558 เป็นวันหยุดราชการเพิ่มอีก 1 วัน ตามที่กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬาเสนอ เพื่อให้มีวันหยุดยาวต่อเนื่องรวม 5 วันคือ ตั้งแต่วันที่ 1-5 พฤษภาคม
เป้าหมายของรัฐบาลคือ หวังกระตุ้นรายได้จากการท่องเที่ยวเพิ่มขึ้นประมาณ 10%
ซึ่งการหยุดยาว 5 วันครั้งนี้ ถือเป็นครั้งที่ 3 ในรอบปี ถือได้ว่าเป็นปีทองแห่งการท่องเที่ยวและเฉลิมฉลองโดยครั้งแรก ครม.มีมติให้วันที่ 2 มกราคม เป็นวันหยุดปีใหม่เพิ่ม รวมหยุดยาวช่วงปีใหม่ 5 วันคือ ตั้งแต่วันที่ 31 ธันวาคม 2557 - 4 มกราคม 2558
ครั้งที่ 2 หยุดยาว 5 วัน ช่วงเทศกาลสงกรานต์ ระหว่างวันที่ 11-15 เมษายน และถัดไปอีกแค่ 15 วัน ก็จะมีวันหยุดยาว 5 วัน ครั้งที่ 3 ระหว่างวันที่ 1-5 พฤษภาคม
การวันหยุดยาวลักษณะนี้ เกือบจะกลายเป็นธรรมเนียมปฏิบัติของรัฐบาลไปแล้ว ซึ่งในมุมมองของคนในสังคมนั้น ชี้ว่ามีทั้งข้อดีและข้อเสีย
ด้านหนึ่งมองว่า วันหยุดราชการเมืองไทยมีจำนวนหลายวันต่อปีอยู่แล้ว จึงไม่จำเป็นต้องประกาศหยุดราชการในลักษณะหยุดยาวเช่นนี้ หากรายใดอยากหยุดก็ขอลาหยุดกับองค์กรต้นสังกัดจะดีกว่า ประกอบกับคนส่วนใหญ่ที่ได้รับอานิสงส์จะเป็นกลุ่มราชการ รัฐวิสาหกิจ ส่วนองค์กรเอกชนหลายแห่งให้ขึ้นอยู่กับดุลพินิจนโยบายขององค์กร การประกาศหยุดจึงอาจไม่ได้ผลเชิงกระตุ้นเศรษฐกิจท่องเที่ยวเต็มที่
ขณะที่อีกฝั่ง โดยเฉพาะกลุ่มผู้ประกอบการท่องเที่ยวภายในประเทศเห็นว่าการเสนอวันหยุดในช่วงวันหยุดราชการติดต่อหลายวัน เป็นสิ่งที่จะช่วยกระตุ้นให้เกิดการท่องเที่ยวได้จริง แต่การประกาศล่วงหน้านานเช่นนี้ เชื่อว่าจะกระตุ้นให้คนไทยวางแผนไปท่องเที่ยวต่างประเทศ โดยเฉพาะประเทศระยะใกล้จำนวนมากเสียมากกว่า
"ยุทธชัย สุนทรรัตนเวช" นายกสมาคมธุรกิจท่องเที่ยวในประเทศ (สทน.) เห็นว่า การที่รัฐบาลประเทศให้วันที่ 4 พฤษภาคม เป็นวันหยุดราชการ ถือเป็นเรื่องที่ดีต่อภาคการท่องเที่ยว แต่การประกาศเร็วเกินไป เชื่อว่าไม่ได้ส่งผลดีต่อภาคการท่องเที่ยวภายในประเทศเต็มที่ เพราะจะมีกลุ่มคนไทยที่มีกำลังซื้อค่อนข้างสูงวางแผนท่องเที่ยวต่างประเทศแน่นอน เพราะค่าใช้จ่ายโดยเฉพาะประเทศระยะใกล้ไม่ได้ต่างจากการใช้เงินในเมืองไทยมาก ประกอบกับสายการบินต้นทุนต่ำ (โลว์คอสต์ แอร์ไลน์) ต่างออกโปรชั่นราคาแข่งกัน เป็นปัจจัยชี้นำให้คนไปท่องเที่ยวในต่างประเทศมากขึ้น
สอดคล้องกับ "ธนพล ชีวรัตนพร" อุปนายกฝ่ายทัวร์ต่างประเทศ สมาคมไทยบริการท่องเที่ยว (ทีทีเอเอ) ที่กล่าวว่า จากมติ ครม.ดังกล่าว เชื่อว่าจะมีคนไทยเดินทางไปท่องเที่ยวต่างประเทศสัดส่วน 15-20% เมื่อเทียบกับการเดินทางท่องเที่ยวในประเทศ โดยส่วนใหญ่จะไปเที่ยวกลุ่มประเทศเอเชีย ทั้งญี่ปุ่น ฮ่องกง หรือแม้แต่กลุ่มประเทศกัมพูชา ลาว พม่า เวียดนาม
อีกมุมหนึ่งของวันหยุดยาวคือ คนไทยชอบการเฉลิมฉลอง ไม่ว่าเทศกาลใดๆ ถ้ามีโอกาสจะไม่พลาดเด็ดขาด ซึ่งการเฉลิมฉลองต้องมีการจับจ่าย ถือว่ามีเงินหมุนเวียน เป็นการกระตุ้นเศรษฐกิจอย่างหนึ่ง แต่ในทางกลับกัน หากเฉลิมฉลองกันอย่างไม่ระมัดระวัง ประชาชนก็จะเกิดปัญหาเงินขาดมือ หรือเป็นหนี้เป็นสินเช่นกัน
เห็นได้จากหลังช่วงเทศกาลปีใหม่ที่ผ่านมา มีประชาชนจำนวนพากันเข้าไปใช้บริการของโรงตึ๊ง หรือสถานธนานุบาล หรือโรงรับจำนำจำนวนมาก
"วีระศักดิ์ บุตรอภิสิทธิ์" ผู้จัดการสถานธนานุบาลเทศบาลเมืองชัยนาท ให้ข้อมูลว่า วันที่ 6 มกราคม 2558 ที่เปิดทำการวันแรก มีประชาชนเข้ามาใช้บริการกว่า 300 คน เป็นสถิติผู้ใช้บริการมากที่สุดตั้งแต่เปิดโรงรับจำนำมากว่า 20 ปี
เช่นเดียวกันโรงจำนำ 3 แห่ง ที่อยู่ในความรับผิดชอบของเทศบาลนครนครราชสีมา โดย "สุรวุฒิ เชิดชัย" นายกเทศมนตรีนครนครราชสีมา ระบุว่า หลังเทศกาลปีใหม่มีประชาชนมาใช้บริการของโรงรับจำนำกันอย่างคึกคัก เฉลี่ยวันละพันคน
ไม่แตกต่างจากโรงรับจำนำใน กทม. โดย "เสริมศักดิ์ อนันตกาญจน์" รองผู้อำนวยการสถานธนานุบาล กรุงเทพมหานคร (สธก.กทม.) รักษาการผู้อำนวยการ สธก.กทม. เปิดเผยว่า ช่วงเทศกาลต่างๆ ที่มีวันหยุดยาวมักมีประชาชนมาใช้บริการที่โรงรับจำนำของ กทม.เป็นจำนวนมาก เพิ่มขึ้นประมาณร้อยละ 80 ของจำนวนผู้ที่มาใช้บริการในช่วงปกติ และคาดว่าช่วงใกล้เทศกาลสงกรานต์และวันหยุดยาวในต้นเดือนพฤษภาคม จะมีประชาชนทยอยมาใช้บริการมากขึ้น
นอกจากนี้ วันหยุดยาวยังส่งผลต่อผู้ใช้แรงงาน แม้ว่ารัฐบาลไม่ได้สั่งให้บริษัทเอกชนหยุดงาน แค่ขอความร่วมมือก็ตาม เพราะหากบริษัทหยุดงาน แรงงานก็ต้องหยุดงาน ทำให้ไม่ได้รับค่าจ้าง
"วิไลวรรณ แซ่เตีย" ประธานคณะกรรมการสมานฉันท์แรงงานไทย (คสรท.) บอกว่า การกำหนดวันหยุดยาวนั้น หากเป็นวันหยุดในช่วงเทศกาลสงกรานต์ หรือเทศกาลปีใหม่ แรงงานส่วนใหญ่จะเดินทางกลับไปอยู่กับครอบครัว ถือว่าเป็นเรื่องที่ดี ส่วนวันหยุดยาวในช่วงที่ไม่ใช่เทศกาลจะกระทบต่อลูกจ้างรายวันแน่นอน และมีลูกจ้างบางส่วนที่ไม่พอใจ
"หากทำงานจะได้ค่าจ้าง หากเป็นวันหยุด ไม่ได้ทำงาน ก็จะไม่ได้รับค่าจ้าง บางรายเดือดร้อนมีความจำเป็นต้องใช้เงิน และหากไม่จำเป็นจริงๆ จะไม่หยุดงานกัน ดังนั้น หากบริษัทจัดให้เป็นวันหยุดตามที่รัฐบาลประกาศ แล้วไม่จ่ายเงินให้แรงงาน เนื่องจากเป็นการจ้างงานรายวัน จะทำให้แรงงานเสียวันทำงานและสูญเสียรายได้ไป"
สรุปได้ว่า การหยุดราชการยาว 5 วัน มีทั้งข้อดีและข้อเสีย ขึ้นอยู่กับมุมมองของแต่ละฝ่ายแต่ละคน
ดังนั้น ทุกฝ่ายทุกคนจึงต้องคิดกันเอาเองว่าจะทำอย่างไรให้วันหยุดยาวเป็นวันแห่งความสุข ไม่ต้องทุกข์หลังหยุดยาว
--------------------------------------------------------------------------------
(ที่มา:มติชนรายวัน 30ม.ค.2558)
ขายดีมากครับคุณครู (พร้อมส่ง) เครื่องเคลือบบัตรA4 รุ่นSL200 เครื่องเคลือบกระดาษA4 A3 A5 ABSป้องกันการ์ด ในราคา ฿368 - ฿999 ที่ Shopeehttps://s.shopee.co.th/4VLvxbi7ho?share_channel_code=6
Advertisement
เปิดอ่าน 11,793 ครั้ง เปิดอ่าน 15,098 ครั้ง เปิดอ่าน 36,243 ครั้ง เปิดอ่าน 26,727 ครั้ง เปิดอ่าน 11,864 ครั้ง เปิดอ่าน 12,587 ครั้ง เปิดอ่าน 12,440 ครั้ง เปิดอ่าน 26,765 ครั้ง เปิดอ่าน 14,285 ครั้ง เปิดอ่าน 17,658 ครั้ง เปิดอ่าน 35,337 ครั้ง เปิดอ่าน 14,225 ครั้ง เปิดอ่าน 5,894 ครั้ง เปิดอ่าน 13,783 ครั้ง เปิดอ่าน 6,681 ครั้ง เปิดอ่าน 15,065 ครั้ง
|
เปิดอ่าน 1,301 ☕ 9 ธ.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 207 ☕ 20 ธ.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 634 ☕ 19 ธ.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 1,530 ☕ 19 ธ.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 640 ☕ 17 ธ.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 482 ☕ 17 ธ.ค. 2567 |
เปิดอ่าน 476 ☕ 17 ธ.ค. 2567 |
|
≡ เรื่องน่าอ่าน/สาระน่ารู้ ≡
เปิดอ่าน 59,083 ครั้ง |
เปิดอ่าน 9,018 ครั้ง |
เปิดอ่าน 27,049 ครั้ง |
เปิดอ่าน 10,598 ครั้ง |
เปิดอ่าน 12,600 ครั้ง |
|
|