สภา กทม. อนุมัติยืมเงินสะสมใช้จ่ายเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการเพิ่มอีก 1,600 ล้านบาท ปี 2558 เตรียมจ่ายบำนาญรวมกว่า 3,500 ล้านบาท
เมื่อวันที่ 29 มกราคม 2558 ผู้สื่อข่าวรายงานว่า วานนี้ (28 มกราคม 2558) ที่ศาลาว่าการกรุงเทพมหานคร (กทม.) ร.ต.ต. เกรียงศักดิ์ โลหะชาละ ประธานสภากรุงเทพมหานคร เป็นประธานประชุมสภากทม. โดยมี ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ บริพัตร ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานคร สมาชิกสภากรุงเทพมมหานคร (ส.ก.) และคณะผู้บริหาร กทม. เข้าร่วมประชุม โดยที่ประชุมมีการพิจารณาญัตติขอความเห็นชอบให้กรุงเทพมหานคร (กทม.) ยืมเงินสะสมกรุงเทพมหานคร เพื่อจ่ายบำเหน็จบำนาญให้แก่ข้าราชการบำนาญกรุงเทพมหานครจำนวน 1,600 ล้านบาท
ทั้งนี้สมาชิก ส.ก.ได้สอบถาม และเสนอความคิดเห็นไปยังฝ่ายบริหาร กทม. ว่า การยืมเงินสะสมว่าตามระเบียบจะกำหนดไว้ว่า ต้องมีเหตุจำเป็นหรือเหตุเร่งด่วนเท่านั้น หรือการอนุมัติการยืมเงินสะสมนั้นจะต้องไม่เกินวงเงิน ร้อยละ 50 ของจำนวนเงินสะสมที่มีอยู่ ดังนั้นการยืมเงินสะสมของ กทม. ในการใช้จ่ายกองทุนบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กทม. นั้น ถือมีความจำเป็นหรือไม่ อีกทั้งกองทุนดังกล่าวเกิดสภาพเงินงบประมาณไม่เพียงพอมาหลายปี ดังนั้น สภา กทม. จึงอยากให้ฝ่ายบริหารเร่งหาแนวทางแก้ไขอย่างเป็นรูปธรรม มากกว่าการหายืมเงินมาใช้จ่ายทดแทน
ด้าน ม.ร.ว. สุขุมพันธุ์ กล่าวว่า สำหรับกองทุนเงินสะสมของกรุงเทพมหานครนั้น ขณะนี้ในกองทุนมีเงินสะสมอยู่จำนวนกว่า 7,000 ล้านบาท ซึ่งทุก ๆ ปี กทม. จะให้บริษัทตลาดหลักทรัพย์ทำการประเมินความน่าเชื่อถือทางการเงินของ กทม. ซึ่งผลประเมินอยู่ในระดับดีมากมาโดยตลอด แสดงให้เห็นถึงสภาพความมั่นคงทางการเงินของ กทม.
ส่วน นายจุมพล สำเภาพล รองผู้ว่าฯ กทม. กล่าวว่า สำหรับการยืมเงินสะสมของกรุงเทพมหานครนั้น ที่ผ่านมา กทม. ก็ได้ขอยืมเงินสะสมไปแล้วในหลายกรณี ซึ่งปัจจุบัน มียอดเงินที่ยืมรวมแล้วจำนวน 5,061 ล้านบาท แต่สำหรับกรณีการยืมเงินสะสมเพื่อใช้จ่ายในกองทุนดังกล่าว ว่าตาม พ.ร.บ. เงินบำเหน็จบำนาญ จะหักจากเงินงบประมาณประจำปีของกรุงเทพมหานคร จำนวน 3% ซึ่งปัจจุบัน กทม. มีงบประมาณประจำปี จำนวน 65,000 ล้านบาท และมีเงินเข้ากองทุนเงินบำเหน็จบำนาญ จำนวน 1,950 ล้านบาท ซึ่งไม่เพียงพอในการใช้จ่ายเงินบำเหน็จบำนาญข้าราชการ กทม. ที่มีกว่า 15,000 คน
โดย นายจุมพล กล่าวต่อว่า สาเหตุที่ทำให้เงินในกองทุนบำเหน็จบำนาญไม่เพียงพอต่อการใช้จ่าย เนื่องจาก ทางกองทุนต้องจ่ายเงินเพิ่มเติม 25 % ของเงินบำนาญให้กับข้าราชการบำนาญ กทม. ที่รับราชการก่อนปี 2535 ตามระเบียบที่ออกเมื่อปี 2554 ของกระทรวงมหาดไทย ทำให้กองทุนดังกล่าวมีค่าใช้จ่ายเพิ่มขึ้น อีกทั้งยังมีข้าราชการ กทม. บางส่วนที่ออกนอกระบบ ไปขึ้นตรงกับมหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช ทำให้ กทม. ต้องจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญให้แก่กลุ่มบุคคลดังกล่าวอีกด้วย นอกจากนี้มีการตราพระราชบัญญัติเงินตกทอดและเงินช่วยเหลือให้แก่ข้าราชการบำเหน็จบำนาญ กทม. จะมีรายจ่ายเพิ่มมากขึ้น ดังนั้นเมื่อมีเงินในกองทุนไม่เพียงพอ กทม. จึงต้องดำเนินขอยืมเงินจากเงินสะสมของ กทม. จำนวน 1,600 ล้านบาท เพื่อมาใช้จ่ายให้แก่ข้าราชการ กทม. ที่เกษียณอายุไปแล้ว
อย่างไรก็ตาม กทม. ได้เร่งหาแนวทางแก้ไขปัญหาดังกล่าว โดยสิ่งแรกคือ กทม. จะต้องหาแนวทางเพิ่มรายได้ประจำปีที่ปัจจุบัน กทม. มีรายได้ประมาณ 65,000 ล้านบาท ซึ่งหาก กทม. มีรายได้เพิ่มจะทำให้สามารถสมทบเงินกองทุนได้มากขึ้นด้วย อีกแนวทางหนึ่งคือ จะต้องขอให้มีการแก้ไข พ.ร.บ. การจ่ายเงินบำเหน็จบำนาญให้แก่ข้าราชการ กทม. เพื่อให้ กทม. สามารถจัดสรรงบประมาณอุดหนุนกองทุนบำเหน็จบำนาญได้มีประสิทธิภาพมากกว่านี้ และขณะนี้ กทม. ได้นำเสนอการแก้ไขดังกล่าวไปยังกระทรวงมหาดไทยแล้ว โดยอยู่ในระหว่างการพิจารณา
ทั้งนี้ผู้สื่อข่าวรายงามว่า ในที่ประชุม สมาชิกสภา กทม. ได้มีมติเห็นชอบต่อญัตติการยืมเงินสะสมกรุงเทพมหานคร เพื่อจ่ายบำเหน็จบำนาญให้แก่ข้าราชการบำนาญกรุงเทพมหานครจำนวน 1,600 ล้านบาท โดยเมื่อรวมกับเงินในกองทุนบำเหน็จบำนาญที่หักไปก่อนหน้านี้ 1,950 ล้านบาท รวมเป็นเงินสูงถึง 3,550 ล้านบาท
อ่านเพิ่มเติมได้จาก เดลินิวส์