พล.ร.อ.ณรงค์ พิพัฒนาศัย รมว.ศึกษาธิการ เปิดเผยความคืบหน้าผลการดำเนินงานการปฏิบัติการศึกษาตามโครงการปฏิรูปการเรียนรู้สู่ผู้เรียนที่ได้กระจายอำนาจการบริหารให้สำนักงานเขตพื้นที่การศึกษา 20 เขต ตั้งแต่เมื่อวันที่ 1 ม.ค.ว่า หลังจากกระจายอำนาจเกือบ 1 เดือน แต่ละเขตพื้นที่ได้นำประสบการณ์และปัญหาอุปสรรคต่างๆ ที่เกิดขึ้นมาแลกเปลี่ยนร่วมกัน พบว่า มีปัญหาเรื่องบุคลากร งบประมาณ และการบริหารจัดการ ซึ่งตนได้ให้ข้อเสนอแนะไปว่า แนวทางแก้ปัญหาไม่ใช่การใช้วิธีการวิ่งชนปัญหาอย่างเดียว แต่ควรหาแนวทางแก้ปัญหาให้หลากหลายโดยไม่ต้องแก้กฎหมาย ส่วนปัญหาบุคลากร อาทิ ครูต้องทำงานธุรการ ทิ้งห้องเรียนจนทำให้ไม่มีเวลาเตรียมการสอน ซึ่งเขตพื้นที่ก็อยากเสนอให้ทุกโรงเรียนมีเจ้าหน้าที่ธุรการ แต่ต้องดูภาพรวมด้วย เพราะโรงเรียนมีอยู่หลายหมื่นโรง หากต้องมีเจ้าหน้าที่ธุรการให้ครบทุกโรงคงเป็นไปไม่ได้ และอาจจะเกิดปัญหาด้านงบประมาณตามมาอีก อย่างไรก็ตามการกระจายอำนาจเพิ่งจะเริ่มต้นอาจยังไม่เห็นภาพชัดเจน ควรดำเนินการต่อ 2-3 เดือน แล้วจึงค่อยเสนอเรื่องกลับมาอีกครั้ง
ส่วนเรื่องการประเมินคุณภาพสถานศึกษารอบสี่ ปีงบประมาณ 2559-2563 ซึ่งจะเริ่มเดือน ต.ค.2558 นั้น พล.ร.อ.ณรงค์กล่าวว่า หากมีเกณฑ์หรือตัวบ่งชี้ใดที่ยังเป็นปัญหา ก็อยากให้สำนักงานรับรองมาตรฐานและประเมินคุณภาพการศึกษา (สมศ.) ทบทวนและปรับปรุงให้เรียบร้อยก่อนเริ่มประเมิน ทั้งนี้ ยืนยันว่าการประเมินภายนอกยังมีความจำเป็นเพื่อให้สถานศึกษา นำผลการประเมินไปใช้ในการพัฒนาการเรียนการสอนให้ได้มาตรฐานใกล้เคียงกัน ส่วนเรื่องที่ครูต้องใช้เวลานอกห้องเรียนกับการประเมินภายนอกมากที่สุดนั้น ตนได้หารือกับ สมศ.แล้ว ซึ่ง สมศ.ก็เข้าใจปัญหาและเร่งปรับตัวบ่งชี้และเกณฑ์ต่างๆ ไม่ให้เป็นภาระของครูมากเกินไป
ที่มา ไทยรัฐ วันที่ 28 มกราคม 2558