สวัสดีค่ะ เพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน วันนี้ดิฉันอยากพูดคุยเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา โดยเฉพาะเรื่องการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือน และการพิจารณาย้ายข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา เพื่อเป็นข้อเตือนใจในการปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดความถูกต้อง เป็นธรรม เปิดเผย โปร่งใสตรวจสอบได้
การพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนของข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามบทกฎหมาย มาตรา 72 และมาตรา 73 แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ที่กำหนดให้ผู้บังคับบัญชามีหน้าที่ประเมินผลการปฏิบัติงาน โดยยึดหลักการปฏิบัติตนที่เหมาะสม ปฏิบัติราชการอย่างมีประสิทธิภาพ เกิดประสิทธิผล มีผลงานเป็นที่ประจักษ์ และในการพิจารณาเลื่อนขั้นเงินเดือนให้ยึดหลักคุณธรรม มีความเที่ยงธรรม เปิดเผย โปร่งใสตรวจสอบได้ และนำระบบเปิดมาใช้กับการพิจารณา ในส่วนของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา มีอำนาจหน้าที่ตามมาตรา 23(3) แห่งพระราชบัญญัติเดียวกัน คือให้ความเห็นชอบเกี่ยวกับการพิจารณาความดีความชอบในการปฏิบัติหน้าที่ของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษา หากพิจารณาเรื่องการเลื่อนขั้นเงินเดือนแล้วไม่เห็นชอบประการใด ต้องมีเหตุผลโดยชัดแจ้ง และให้ผู้บังคับบัญชากลับไปดำเนินการใหม่ให้ถูกต้อง
ดิฉันขอยกอุทาหรณ์ข้อเท็จจริงในปี 2552-2553 มี อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาแห่งหนึ่งร่วมกันหรือแบ่งโควต้ากันเสนอรายชื่อข้าราชการที่เป็นพวกพ้องของตนให้ได้รับการเลื่อนขั้นเงินเดือนกรณีพิเศษเกินโควต้า 15% นับเป็นจำนวนมาก ก.ค.ศ. ในขณะนั้นมีมติถอดถอน อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษานั้นทั้งคณะ ตามมาตรา 21 วรรคสี่ แห่งพระราชบัญญัติระเบียบข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษา พ.ศ.2547 ประกอบกับหลักเกณฑ์การพ้นจากตำแหน่ง ฯลฯ กรณีมีความประพฤติไม่เหมาะสมกับตำแหน่งหน้าที่ ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ หรือมีเจตนากระทำโดยไม่ถูกต้อง ไม่ยุติธรรม ใช้อำนาจหน้าที่ ขัดต่อกฎหมาย ในส่วนอนุกรรมการที่ยังเป็นข้าราชการได้ถูกดำเนินการทางวินัยอย่างร้ายแรงอีกด้วย ผลการสอบสวนท่านเหล่านั้น ผู้บังคับบัญชาสั่งลงโทษ ลดขั้นเงินเดือนคนละ 1 ขั้น
ส่วนการพิจารณาย้ายของ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาก็เช่นกัน ต้องดำเนินการให้เป็นไปตามกฎหมาย หลักเกณฑ์ที่เกี่ยวข้อง และที่สำคัญต้องพิจารณาด้วยความสุจริต ยุติธรรม หลายท่านอาจเคยได้ยินข่าวเกี่ยวกับการเรียกรับเงินเพื่อให้ได้ย้าย ดิฉันขอเตือนว่าการเรียกรับเงินเป็นความผิดทั้งวินัยและอาญา โทษทางวินัยอาจถูกปลดออกหรือไล่ออก โทษทางอาญาอาจถูกลงโทษจำคุกได้ ท่านที่มีอำนาจหน้าที่ในการพิจารณา หากกระทำการแสวงหาผลประโยชน์โดยมิชอบดังกล่าว ขอให้เลิกการกระทำดังกล่าวเสีย เพราะอาจมีเพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาที่จ้องจับตาดูท่านอยู่ และรวบรวมหลักฐานข้อมูลต่างๆ ส่งให้ผู้บังคับบัญชาดำเนินการทางวินัยหรือส่ง ป.ป.ช., พนักงานสอบสวน (ตำรวจ) ดำเนินคดีอาญากับท่านที่ประพฤติปฏิบัติโดยมิชอบดังกล่าว
ที่กล่าวมาทั้งหมดนี้คงจะเป็นข้อมูลและข้อเตือนใจต่อเพื่อนข้าราชการครูและบุคลากรทางการศึกษาทุกท่าน โดยเฉพาะท่านที่ปฏิบัติหน้าที่ อ.ก.ค.ศ. เขตพื้นที่การศึกษาให้ปฏิบัติหน้าที่โดยถูกต้อง เป็นธรรม เพื่อประโยชน์ของทางราชการ และขจัดปัญหาการทุจริตประพฤติมิชอบในวงราชการให้หมดไป แล้วพบกันใหม่วันจันทร์หน้าค่ะ
ศิริพร กิจเกื้อกูล
เลขาธิการ ก.ค.ศ.
ที่มา : มติชน ฉบับวันที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2557